วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกHighlightผลวิจัยพบผู้ติดเชื้อโควิดไม่ได้ฉีดวัคซีน “โอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ราว 36%”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ผลวิจัยพบผู้ติดเชื้อโควิดไม่ได้ฉีดวัคซีน “โอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ราว 36%”

“หมอธีระ” เผยผลวิจัยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ราว 36%  ขณะที่ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน หากติดเชื้อ จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยมีโอกาสราว 28% ตอกย้ำความสำคัญของวัคซีน

เมื่อวันที่ 4 ม.ค.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับ สถานการณ์โควิด-19 ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 304,015 คน ตายเพิ่ม 996 คน รวมแล้วติดไป 665,840,813 คน เสียชีวิตรวม 6,700,567 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล ไต้หวัน และฝรั่งเศส

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 84.69 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 69.67

…อัพเดตท่าทีสหภาพยุโรปในการรับมือท่องเที่ยวจีน

ล่าสุดเมื่อคืนนี้ Kyriakides S ซึ่งเป็น European Commissioner for Health and Food Safety ได้รายงานว่าจากการประชุมเมื่อวาน ได้มีหลายแนวทางที่จะพิจารณาดำเนินการ ได้แก่ การตรวจคัดกรองโรคก่อนเดินทางสำหรับคนที่เดินทางจากจีน การตรวจน้ำเสียเพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส และการเพิ่มการเฝ้าระวังโรคภายในประเทศ

ทั้งนี้มาตรการต่างๆ ข้างต้นจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม integrated political crisis response (IPCR) mechanism ในวันนี้เพื่อหาข้อสรุปที่กลุ่มประเทศยุโรปจะดำเนินการร่วมกัน

…อัตราการทวีคูณของ XBB.1.5 สูงกว่าทุกสายพันธุ์ที่มีตอนนี้

Gerstung M จากมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมัน ได้เปรียบเทียบให้เห็นว่า Omicron สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ที่ทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสระบาดไปทั่วในเวลาอันใกล้นี้ เพราะจากข้อมูลทุกทวีปแสดงให้เห็นอัตราการขยายตัวของการระบาดเป็นทวีคูณ (doubling time) ที่สูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีอยู่ โดยใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์

…วัคซีน ป้องกันทั้งตัวเรา และคนรอบข้าง

นพ.ธีระ วรธนารัตน์

Tan ST และคณะ จาก UCSF ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารการแพทย์ระดับสากล Nature Medicine เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2566

โดยทำการศึกษาในกลุ่มผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในคุกของรัฐแคลิฟอร์เนีย 35 แห่ง ตั้งแต่ธันวาคม 2564 ถึงพฤษภาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ Omicron ระบาด ทั้งนี้ประชากรที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศชาย

สาระสำคัญที่พบคือ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ราว 36% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 31%-42%)

ในขณะที่ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน หากติดเชื้อ จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยมีโอกาสราว 28% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 25%-31%)

หากวิเคราะห์เปรียบเทียบแล้ว พบว่า การฉีดวัคซีนจะช่วยลดโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ 22%

นอกจากนี้คนที่เคยฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาแล้ว จะลดโอกาสแพร่ให้คนอื่นราว 40%

ผลการศึกษานี้ตอกย้ำให้เราเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีน นอกจากเกิดประโยชน์ต่อตัวเองเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดเสี่ยงป่วยรุนแรง เสียชีวิต และ Long COVID แล้ว ยังเกิดประโยชน์ต่อคนใกล้ชิด ลดความเสี่ยงที่เราจะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นด้วย

การใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible living) ทั้งต่อตัวเราเอง คนในครอบครัว และสังคม จะช่วยให้เราทุกคนสามารถประคับประคองตัวผ่านสถานการณ์ระบาดไปได้

ทำงาน เรียน เดินทางท่องเที่ยว ควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ป้องกันตัวเสมอ

เลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง สถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี รวมถึงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น

ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบตามกำหนด

ไม่สบาย ควรรีบตรวจ หากติดเชื้อควรแยกตัวจากคนอื่นอย่างน้อย 7-10 วัน จนอาการดีขึ้นและตรวจซ้ำได้ผลลบ

สำคัญที่สุดคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ติดซ้ำ ย่อมดีที่สุด

อ้างอิง

Tan ST et al. Infectiousness of SARS-CoV-2 breakthrough infections and reinfections during the Omicron wave. Nature Medicine. 2 January 2023.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img