วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกNEWS“อนุชา”เผยรอประชุม“ศบค.”เดือนก.ย.นี้ เคาะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ 
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อนุชา”เผยรอประชุม“ศบค.”เดือนก.ย.นี้ เคาะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ 

โฆษกรัฐบาลย้ำยกเลิกพรก.ฉุกเฉินพิจารณาความเหมาะสม พร้อมประเมินสถานการณ์-ความเสี่ยง หลังการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวัง เน้นให้มีแผนรองรับที่ดี วิกฤตความเสียหายต้องไม่เกิดขึ้นอีก โดยขอให้รอผลการประชุม ศบค. เดือน ก.ย.นี้

เมื่อวันที่ 22  ส.ค.65 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 19 ส.ค.65 ยังไม่ได้มีการพิจารณา การยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดย ศบค. จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อนเนื่องจากยังเหลือระยะเวลาการประกาศใช้จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ 

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญของการประกาศใช้ พ.ร.ก ฉุกเฉินนั้นก็เพื่อควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้มุ่งหวังการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อประเด็นอื่นแต่อย่างใด รวมทั้งเพื่อเกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยจากโควิด-19 โดยการดำเนินงานที่ผ่านมาก็ได้รับการยอมรับและชื่นชมจากนานาประเทศ ซึ่งสนใจที่จะมาศึกษาแนวทางการดำเนินงานจากประเทศไทยด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ตามแม้ไม่ได้มีการหารือเรื่องการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ที่ประชุม ศบค. ได้มีการหารือถึงความคืบหน้าในการจัดทำกรอบนโยบาย แนวทางปฏิบัติ และห้วงเวลา ในการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะ Post-Pandemic เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 หรือเป็นแผนการปรับลดระดับสถานการณ์โควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ภายใต้หลักการ “เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัย สามารถดำเนินชีวิตได้ปกติ”

ศบค. ได้พิจารณาทั้งการประเมินสถานการณ์และความเสี่ยง ด้านการป้องกัน ซึ่งภาพรวมประชาชนในประเทศไทยมากกว่าร้อยละ 90 มีภูมิคุ้มกัน ผู้ฉีดวัคซีน 3 เข็มไม่ว่าสูตรใดสามารถป้องกันการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 90 และหลังจากนี้ คาดการณ์ว่าโควิด-19 จะมีลักษณะการเกิดโรคในประชากรซึ่งจะคล้ายคลึงกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งด้านการรักษาอาการผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่แนวโน้มไม่รุนแรง ยกเว้นในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรง และกลุ่ม 608 

“ก่อนถึงวันที่ 1 ต.ค. ศบค. จะมีการประเมินสถานการณ์ และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน หลังจากการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวัง ว่าจะต้องคงกลไกในการควบคุมและบริหารจัดการอะไรไว้บ้าง ซึ่งต้องมั่นใจว่าจะไม่เกิดวิกฤตและความเสียหายในมิติต่าง ๆ เกิดขึ้นอีก หรือหากเกิดขึ้นต้องแก้ไขได้ทันท่วงที  เน้นมีแผนรองรับที่ดี และวิกฤตความเสียหายต้องไม่เกิดขึ้นอีก ดังนั้น จึงขอให้รอผลการประชุม ศบค. ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้” นายอนุชา กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img