“รัฐสภา”ถกร่างแก้ไขรธน.4 ฉบับ “สมชัย”ชูธงปิดสวิตซ์ส.ว.เลือกนายกฯ “โรม” ฉะส.ว.สารพัดแก๊งอุ้ม “ประยุทธ์” “อมรัตน์”ถามส.ว.ใช้หนี้บุญคุณคสช.หมดหรือยัง ขณะที่ ส.ส.รัฐบาล-ส.ว.ตีรวน ไม่ส่งชื่ออภิปราย
วันที่ 6 ก.ย.65 เวลา11.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม 5ฉบับได้แก่ 1.ร่างแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา43 โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับคณะเป็นผู้เสนอ เกี่ยวกับเรื่องสิทธิบุคคลและชุมชน 2.ร่างแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา120 เรื่ององค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมสภาฯ ที่นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นผู้เสนอ 3.ร่างแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา25 วรรค5 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา29 มาตรา34 มาตรา44 มาตรา45 มาตรา47 และมาตรา48 ที่นพ.ชลน่าน เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพประชาชน การเพิ่มสิทธิในกระบวนการยุติธรรม 4.ร่างแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา159 และมาตรา 170 ที่ นพ.ชลน่านเป็นผู้เสนอ เกี่ยวกับคุณสมบัติและที่มาของนายกรัฐมนตรี 5.ร่างแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา272 เรื่องตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กับประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 64,151 คน เป็นผู้เสนอ แต่ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ขอถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมของนายวิรัช ซึ่งที่ประชุมอนุญาตให้ถอน ทำให้เหลือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม4ฉบับ
จากนั้นที่ประชุมให้ผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมชี้แจงหลักการและเหตุผล โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงหลักการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา159 เรื่องให้การความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี โดยเสนอแก้ไขให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นคนที่มีชื่ออยู่ในบัญชีพรรคการเมืองเท่านั้น และห้ามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกิน8ปี ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งต่อเนื่องหรือไม่
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะผู้รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา272 ชี้แจงหลักการเสนอแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272ว่า ขอตัดอำนาจส.ว.โหวตเลือกนายกฯ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นทางออกประเทศ ประเด็นโต้แย้งฝ่ายคัดค้าน อ้างว่า ส.ว.ชุดนี้เหลือเวลาอีก 1ปีกว่าๆจะหมดเงื่อนไขเรื่องเลือกนายกฯแล้วนั้น มองว่าทุกปีมีความหมาย การเลือกนายกฯต้องเป็นไปด้วยความสง่างาม ไม่ต้องรอ 5ปี การมีนายกฯ โดยให้ส.ว.มีส่วนร่วมเลือกนายกฯจะสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ ส่วนการลงมติงดออกเสียงในร่างกฎหมายนี้ไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นกลาง แต่ไม่ประสงค์ให้ร่างนี้ผ่านวาระรับหลักการ การลงมติของสมาชิกรัฐสภาวันที่ 7 ก.ย. เป็นเรื่องสำคัญ ประเทศจะเดินไปทิศทางใดขึ้นอยู่กับการลงมติของท่าน
กระทั่งเวลา 13.00น.หลังจากผู้เสนอร่างแก้ไขทุกฉบับชี้แจงเสร็จแล้ว จึงเริ่มให้สมาชิกอภิปราย โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอให้ยกเลิกมาตรา272 ตัดอำนาจส.ว.เลือกนายก รัฐมนตรี ส.ว.ชุดนี้โหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องหลังยึดอำนาจ มีทั้งแก๊งตท.12 แก๊งตท.6 รวมถึงพวกพ้องน้องพี่ อีกสารพัดคณะคอยสนับสนุน
ทำให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.ประท้วง ให้ถอนคำพูดว่า“แก๊ง” ขอให้ดูตัวเองบ้าง เป็นหนี้กยศ.ยังไม่ใช้ ควรสำเหนียกตัวเอง ทำให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ขอให้นายกิตติศักดิ์ถอนคำพูด แต่นายกิตติศักดิ์ไม่ถอน จนเกิดการปะทะคารมกับนายรังสิมันต์ที่ยืนยันใช้หนี้กยศ.เรียบร้อยแล้ว สุดท้ายนายพรเพชรตัดบท ไม่ให้นายกิตติศักดิ์พูดต่อ ให้ดำเนินการประชุมต่อไป
โดยนายรังสิมันต์อภิปรายว่า ส.ว.ทั้ง250 คนเป็นมรดกตกทอดคณะรัฐประหาร วาทกรรมปฏิรูปของส.ว.ชุดนี้ยกเว้นให้บางคนได้ จะไว้ใจให้มีอำนาจเลือกนายกฯต่อไปได้หรือ รู้ว่าหวงอำนาจ แต่อำนาจนี้ไม่ใช่ของท่าน ควรคืนให้ประชาชน
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ถ้าแก้ไขมาตรา272 ไม่ได้ การเลือกตั้งครั้งต่อไปก็หมดความหมาย การแก้รัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านที่ผ่านมา มีส.ว.ร่วมสนับสนุน 56คน ขาดเสียงส.ว.อีกเพียง 28 เสียงเท่านั้นมาเติมเต็ม สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปขณะนี้ คงได้ไตร่ตรองกันใหม่หันมาโหวตเห็นด้วย ผู้นำที่ปล้นอำนาจ ไร้ความสามารถ อย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากสิ่งศักดิ์สิทธิและความยุติธรรมในประเทศมีจริง ศาลสถิตยุติธรรมควรเปิดเครื่องประหารหัวสุนัขเตรียมรอได้แล้ว
“ทุกวันนี้พล.อ.ประยุทธ์พยายามแสวงหาอภินิหารทางกฎหมาย ดันทุรังให้ตัวเองเป็นนายกฯต่อหลัง 8ปี เสพติดอำนาจอย่างไม่ละอาย ขอเรียกร้องให้ส.ว.กลับมายืนข้างประชาชน มีเกียรติยศศักดิ์ศรีมากกว่าเป็นนั่งร้านให้ทรราชย์สืบทอดอำนาจต่อ สิ่งที่ส.ว.บางคนบอกว่านายรังสิมันต์ โรม ใช้หนี้กยศ.ยังไม่หมด ขอถามว่า ส.ว.ใช้หนี้บุญคุณคสช.ครบหรือยัง”นางอมรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ในการอภิปราย 2ชั่วโมงแรก มีแต่ส.ส.ฝ่ายค้านขึ้นมาอภิปรายฝ่ายเดียว ไม่มีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและส.ว.ส่งชื่อมาอภิปรายสลับแม้แต่คนเดียว จนเป็นที่ผิดสังเกต ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ท้วงติงว่า ฝ่ายค้านขอใช้เวลาอภิปรายวันที่ 6ก.ย. 3ชั่วโมง หากครบ 3ชั่วโมง ถ้าส.ส.รัฐบาลและส.ว.ไม่ใช้สิทธิอภิปรายในวันที่ 6ก.ย. ขอให้พักประชุม เพื่ออภิปรายต่อวันที่ 7ก.ย.
ขณะที่นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวเสริมว่า มีเรื่องไม่ปกติ เพราะส.ว.ไม่ยอมเสนอชื่อ ไม่รู้เป็นเกมการเมืองหรือไม่ที่ไม่ยอมอภิปราย เพื่อจะอภิปรายตลบหลังวันที่ 7ก.ย.เพียงฝ่ายเดียว ถ้าเป็นเช่นนี้ถือว่า เล่นเกมเกินเหตุ ให้ปิดประชุมไปเลย ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียด จนนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอพักประชุม ให้วิป 3ฝ่ายไปหาทางออก
ส่วนน.ส.ภาดาห์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงว่า หากไม่มีส.ส.รัฐบาลและส.ว.อภิปราย ขอให้พักประชุม เพื่ออภิปรายต่อในวันที่ 7ก.ย. แม้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม พยายามควบคุมการประชุมโดยขอให้วิป 3ฝ่ายไปหารือกันเพื่อหาทางออก แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนจะมีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหรือส.ว.จะขึ้นมาอภิปรายหรือไม่ ในที่สุดนายพรเพชรขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายไปก่อน หากไม่มีผู้อภิปรายแล้ว จะสั่งพักประชุม ไปอภิปรายต่อในวันที่ 7 ก.ย.
