วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกHighlight“อนุทิน”กั๊กจับขั้วการเมืองหลังเลือกตั้ง โวกระแส“ลุงหนู”ไม่แพ้“ลุงตู่-ลุงป้อม”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อนุทิน”กั๊กจับขั้วการเมืองหลังเลือกตั้ง โวกระแส“ลุงหนู”ไม่แพ้“ลุงตู่-ลุงป้อม”

อนุทิน” โวกระแส “ลุงหนู” ไม่แพ้ “ลุงตู่-ลุงป้อม” เสนอตัวแก้ปัญหาคนกรุง แทงกั๊กจับขั้วหลังเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 23 ม.ค.66 เวลา 09.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มลงพื้นที่ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในการลงพื้นที่ดังกล่าว เราได้ปราศรัยนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยจัดทำ เวลาพูดอะไรไป ประชาชนก็ชอบใจ เพราะสิ่งที่พูดไปนั้นถูกใจเขา และจะลงไปพื้นที่อื่นด้วย เพราะเราตั้งใจจะส่งผู้สมัครส.ส.กทม.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าถามว่าคาดหวังเขตไหน ก็ต้องบอกว่าคาดหวังทุกเขต แต่ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ทั้งนโยบายพรรค ความแข็งแรง ความขยัน และความเป็นที่นิยมของผู้สมัคร ในแต่ละเขต เราจะทำให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถปักธงได้ในกทม. หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มั่นใจ ต้องมั่นใจเพราะกรุงเทพฯเป็นเมืองสำคัญ ซึ่งเราทำประโยชน์ให้กับจังหวัดอื่นๆไปแล้ว เหลือแต่กรุงเทพฯที่พรรคภูมิใจไทย ยังไม่มีส.ส. จึงอยากเสนอตัวเข่ามา เพราะถ้าเรามีส.ส.ของเราเอง ก็คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาหลายๆอย่างได้ ในรูปแบบการร่วมมือทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่ไปแข่งหรือแย่งกันทำงาน เพราะกทม.มีผู้ว่าราชการกรุงเทพ อยู่แล้ว เราก็แค่มาเสริม แบ่งเบาภาระ ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายอะไรที่โดนใจคนกรุงเทพฯ เพราะพรรคอื่นก็ต้องการปักธงส.ส.ในกทม. เช่นเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวว่า จะใช้ผลงานในช่วงที่เราเป็นรัฐบาล และได้ทำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ครั้งที่แล้วออกมาเป็นรูปธรรมได้แทบทุกนโยบาย และเราไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ไม่ชอบและไม่เชื่อว่าความขัดแย้งจะทำให้ประเทศก้าวหน้าได้ แต่เชื่อว่าการทำงานและทำนโยบายให้ครบถ้วนจะทำให้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด และแนวทางของพรรคภูมิใจไทย เวลาหาเสียง เราจะไม่พูดถึงพรรคอื่น ไม่ได้ด้อยค่านโยบายของใคร และถ้านโยบายของพรรคอื่นเป็นประโยชน์ ก็ควรสนับสนุนด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าทุกคนปรารถนาดีที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง และอุปสรรคใหญ่คือความขัดแย้ง การด้อยค่าและการพูดจาเสียดสีกันเป็นสิ่งที่คนที่อาสามาเป็นตัวแทนประชาชนไม่ควรทำ และถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน จะหาความร่วมมือกันได้อย่างไร

เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจหรือไม่ว่า นโยบายเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่พรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอแล้ว จะซื้อใจคนกรุงเทพฯได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจ เพราะ ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม เวลาที่พูดว่าค่าโดยสารจะไม่เกิน 40 บาท เราได้มีการศึกษาเรื่องการคุ้มค่าของการลงทุน และประโยชน์ของประชาชน อีกทั้งมีต้นแบบ มีข้อมูล ไม่ใช่มาพูดเพื่อให้ประชาชนรู้สึกดีแล้วมาเลือก คนที่บริหารบ้านเมืองมา 4 ปี ไปพูดชุ่ยๆไม่ได้ แต่พูดโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวประกอบ อาทิ มีการศึกษาราคาไม่เกิน 42-43 บาท เราก็หาวิธีการทำให้ราคาไม่เกิน 40 บาท เพื่อให้วิน-วินสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ ประชาชนจะขึ้นโดยสารกี่รอบก็ได้ และผู้ประกอบการไม่ขาดทุน เพราะการทำระบบขนส่งสาธารณะให้ประชาชน จะคิดแต่ได้กำไรมากไม่ได้ ถ้าขาดทุนเล็กน้อยหรืออยู่ตัว แต่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ต้องทำให้ เพื่อให้ประชาชนลดต้นทุนการดำรงชีวิต มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมของพรรคภูมิใจไทยหากนายกประกาศยุบสภา นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ถึงอย่างไรก็ต้องพร้อม ต่อให้นายกฯไม่ยุบสภา ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือน แต่เมื่อนายกมาเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ก็คาดเดาว่า การยุบสภาน่าจะเกิดขึ้น และเวลาอาจจะเหลือน้อยกว่า 2 เดือน โดยพรรคภูมิใจไทยพร้อมตั้งแต่ปี 2565 พร้อมมาก

เมื่อถามว่า มองอย่างไรต่อกระแสที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เริ่มลงพื้นที่กับ รทสช. นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่นายกฯลงคนเดียว ใครๆ ก็ลงพื้นที่ ตนก็ลงพื้นที่ มีทั้งนายกรัฐมนตรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ไปลงพื้นที่เยาวราช สลับกันไปมา ตอนนี้การลงพื้นที่เป็นเรื่องปกติที่ไปเดินเข้าหาประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อลงพื้นที่ จะทำให้ได้เห็นปัญหา ยกตัวอย่างตนลงพื้นที่เขตห้วยขวาง คนกรุงเทพฯก็ได้เห็นคนกรุงเทพฯไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือดีมากกว่าคนต่างจังหวัด จึงจะเอารูปแบบการแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตของคนต่างจังหวัดมาใช้ในกรุงเทพฯ ได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนแออัด ถ้าไม่ไปลงพื้นที่ได้ให้เห็นกับตา ก็จะเข้าไม่ถึงปัญหา เมื่อพรรคภูมิใจไทยได้เห็นปัญหา ก็ได้มาพูดคุยกับกระทรวงคมนาคมเรื่องแก้ปัญหาชุมชนแออัด ในพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งกทม.เข้าไปช่วยไม่ได้ แม้เป็นการอยู่อาศัยที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครกล้าไล่ แต่ถ้าจะใช้วิธีบีบหรือกดดัน ไม่มีสาธารณูปโภค จะบริหารบ้านเมืองได้อย่างไร จึงต้องหาวิธี หาทางออกให้ หาบ้าน หาความมั่นคงให้ หาทางพัฒนาที่ดินริมทางรถไฟ เพราะที่ดินทางรถไฟมีจำนวนมาก บางที่ให้เอกชนเช่าระยะยาว ถ้าเอกชนมา ก็ให้เอาให้เอา แต่ประชาชนกลับบอกว่าบุกรุก ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ให้ไปคิดค่าเช่าในรูปแบบของการคืนกำไรสู่สังคม ซึ่งเรื่องนี้ได้บอกกับประชาชนว่า เมื่อไม่มีส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยแล้วก็เข้าไปไม่ถึง

เมื่อถามว่า ประเมินกระแสการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าน่ากลัวหรือน่ากังวลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและทุกพรรค ตรุษจีนก็ต้องซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้หัวหน้าพรรคทุกพรรค ให้กำลังใจทุกคน เพราะเชื่อว่าทุกคนปรารถนารับใช้ประชาชน ส่วนคนตัดสินใจคือประชาชน ส่วนที่คนบอกว่ามีกระแสของนายกฯนั้น กระแสของ “ลุงหนู” ก็มี เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนมาไหน ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน เมื่อตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองในกทม. เพราะเห็นว่าคนกทม.เริ่มมีคนรู้จักพรรคภูมิใจไทย เริ่มให้ความเชื่อมั่นในการทำงาน เราจึงพร้อมเสนอตัว ส่วนจะประสบความสำเร็จแค่ไหนนั้น อยู่ที่ประชาชน ได้ส.ส.ก็ทำงาน ต่อให้ไม่ได้สส. เราก็ทำงาน ถ้าได้ส.ส.ในกทม.ถือว่าเสริมความแข็งแกร่ง ส่วนจังหวัดอื่นเราแข็งแกร่งอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้แข่งขันกัน แต่หลังจากเลือกตั้งจะสามารถจับมือกันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง วันนี้เลิกพูดได้แล้วว่าใครพรรคนี้แล้วเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ถ้าใครอยู่ไม่อยู่ ไม่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคดูด เพราะเราก็ถูกดูด

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img