พรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันทำหน้าที่เต็มที่ รุกต่อรวบรวมเอกสารเตรียมยื่นศาลเอาผิด “จุรินทร์” ด้าน “เสรีพิศุทธ์” เหน็บบิ๊กตู่ควรต้องพิจารณาตัวเองได้หลังไม่ได้คะแนนน้อย
เมื่อวันที่ 20 ก.พ.64 ภายหลังจากลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเสร็จสิ้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ร่วมกันแถลงข่าว
โดยนายสมพงษ์ ระบุว่า ผลการอภิปรายทำให้เห็นชัดว่า รัฐมนตรีคนใดควรหรือไม่ควรอย่างไร แต่คะแนนเสียงเขาก็ท่วมท้น แต่ที่น่าสังเกตคะแนนเสียงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม น้อยไปหน่อย ก็อยากให้ประชาชนตัดสินใจ และการอภิปรายครั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้หาข้อมูลต่างๆ มาอภิปราย ประชาชนและสื่อมวลชนต้องตัดสินใจว่าสิ่งที่ผ่านมา 4 วันเป็นอย่างไร และตัวเลขที่ออกมาซึ่งไม่เท่ากัน ก็หวังว่าสิ่งที่เราทำมาจะเป็นผลงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
นายประเสริฐ กล่าวว่า แม้คะแนนเสียงในสภาฯ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะแพ้รัฐบาล แต่เชื่อมั่นว่าชนะใจประชาชนที่ติดตามการอภิปราย ด้วยข้อมูลและเหตุผลที่ได้อภิปรายมา และหลังจากการอภิปราย พรคร่วมฝ่ายค้านจะมีงานทำต่ออีกหลายอย่าง บางประเด็นที่มีการทุจริตชัดเจนก็จะดำเนินการต่อไป และมีรัฐมนตรีบางคนที่มีความผิดชัดเจนตามที่ได้อภิปราย คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ซึ่งจะดำเนินการไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา และป.ป.ช. ส่วนคนอื่นๆ กำลังรวบรวมรายละเอียด
ด้านนายพิธา กล่าวยืนยันว่า เราทำอย่างสุดความสามารถ ผลที่ออกมาประชาชนเห็นอยู่ว่าแตกต่างกันอย่างไร สะท้อนปัญหาของประเทศจริงหรือไม่ เช่น เรื่องการศึกษาที่มีปัญหา ปัญหาเกี่ยวกับแรงงานที่มีปัญหาอยู่ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่จะเป็นวันแรกของการทำงาน รักษาผลประโยชน์ของประชาชน ส่วนตัวมองว่าอย่างน้อยคงมีการปรับครม. รัฐบาลตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน พรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ หลังจากนี้จะทำงานให้มากขึ้นกว่า 4 วันที่ผ่านมา
ส่วนพล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ กล่าวว่า สื่อและประชาชนไม่ต้องไปสนใจคะแนนที่ออกมา เพราะก่อนลงมติ ก็รู้กันอยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ มันเป็นเพียงพิธีกรรมที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะคะแนนของฝ่ายรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าประชาชนที่รับฟังการอภิปรายจะเข้าใจและเห็นด้วยกับพยานหลักฐานที่เราได้แสดง
“เมื่อผลออกมาเช่นนี้แม้รัฐบาลจะเป็นฝ่ายชนะแต่นายกฯ ต้องคิดให้หนักการอภิปรายครั้งที่ผ่านมาไม่ได้คะแนนลำดับที่หนึ่ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน ก็ควรจะพิจารณาตัวเอง คนที่เป็นผู้นำประเทศ แล้วให้คนที่ตอบคำถามเพียงว่า “ที่ผู้อภิปรายอภิปรายมา ไม่เป็นความจริง” แล้วคะแนนมากกว่าถือเป็นเรื่องตลก ฝากนายกฯ ถ้ามีสปิริตเป็นนายกฯมา 7 ปี อย่ามัวเมากับอำนาจประชาชนไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เขาอยากจะไล่เต็มทีแล้ว แต่เขาไม่ใช่เผด็จการยังรักประชาธิปไตยก็ให้มีการดำเนินการตามระบบรัฐสภา”พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์กล่าว
