วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกHighlightเลือกปธ.สภาคือจุดบาดหมาง“ก.ก.-พท.” แต่จุดแตกหักคือ“วันโหวตเลือกนายกฯ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เลือกปธ.สภาคือจุดบาดหมาง“ก.ก.-พท.” แต่จุดแตกหักคือ“วันโหวตเลือกนายกฯ”

“จตุพร” วิเคราะห์แบบการเมืองถูกกำหนดให้ “ก้าวไกลขัดแย้งเพื่อไทย” เพื่อสะสมปัญหาได้นำพาไปสู่เป้าหมาย คลี่กลเกมระเบิดเวลาถูกจุดชนวนช่วงเลือกปธ.สภา ลุกลามแตกหักวันเลือกนายกฯ

เมื่อ 21 มิ.ย. นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ระเบิดเวลา” โดยเชื่อว่า พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยจะเริ่มบาดหมางกันด้วยชนวนเลือกประธานสภา ที่ตกไปอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย จากนั้นสะสมความขัดแย้งขึ้น แล้วไปแตกหักในวันเลือกนายกฯ ซึ่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเห็นการทรยศหักหลังกันตำตา

นายจตุพร กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง 500 ส.ส.ไปก่อนจึงคอยตรวจสอบสอย 82 ส.ส.ที่มีปัญหาภายหลัง แต่การรับรองเกิดในช่วงเวลาเหมาะเจาะที่พรรคเพื่อไทยยอมรับหลักการในตำแหน่งประธานสภาฯ

สิ่งสำคัญ การรับรองส.ส.ของ กกต.ถูกมองว่า เป็นกลเกมเร่งให้เปิดประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภาฯ ขณะที่พรรคเพื่อไทยแปรเปลี่ยนความเห็นชั่วข้ามคืน จากท่าทีแข็งกร้าวไม่กินรวบ ต้องกินแบ่ง มาเป็นขานรับหลักการพรรคอันดับหนึ่งได้ตำแหน่งประธานสภา ส่วนอันดับสองได้ 2 รองประธานสภา ยิ่งก่อความสับสนและซ้ำเติมปัญหาในเป้าหมายการเลือกนายกฯ

จตุพร พรหมพันธุ์

นายจตุพร ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ได้ตำแหน่งประธานสภามาครอง อีกทั้งการกลับหลังหันของแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น สะท้อนถึงการออกแบบให้เกิดความสับสนในสังคมการเมือง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแตกแยกกันในพรรคเพื่อไทย เนื่องจากความเห็นขัดแย้งเป็นเพียงละครการเมืองที่แสดงให้ดูเหมือนเป็นปัญหากันเท่านั้น

นอกจากนี้ เห็นว่า การเลือกประธานสภาจะเป็นจุดบาดหมางระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย โดยเริ่มจากพรรคฝ่าย 188 เสียง เสนอนายสุชาติ ตันเจริญ ชิงกับตัวแทนของพรรคก้าวไกล อีกอย่างการโหวตเลือกตามประเพณีแล้วเป็นการลงคะแนนลับ แม้ยากที่จะรู้ว่าใครโหวตให้ใคร แต่จำนวนเสียงออก หากนายสุชาติชนะ อาการขัดแย้งย่อมแสดงออกได้ชัดเจนในพรรคก้าวไกล และอารมณ์ไม่พอใจจะทวีรุนแรงกับมวลชนของพรรคก้าวไกลด้วย

ถัดจากนั้น เมื่อมาถึงการเลือกนายกฯ ความขัดแย้งจะลุกโชนขึ้น ทำให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ถูกลดทอนลง เมื่อมีการเสนอพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าแข่งขัน ซึ่งเป็นการออกแบบการเมืองมุ่งหวังให้เสียงงูเห่าพรรคเพื่อไทยได้แสดงอิทธิฤทธิ์มาโหวตเลือก พล.อ.ประวิตร มาเป็นนายกฯ ก้าวข้ามความขัดแย้ง

“ที่อธิบายเช่นนี้ ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นเป็นจริง แต่การเมืองถ้ามองแค่ภายนอกก็จะหลงเชื่อกันได้ง่าย ส่วนภายในมันมีปัญหาในสองพรรค โดยเริ่มสำแดงในวันโหวตเลือกประธานสภา ซึ่งจะเป็นระเบิดเวลาทำให้เพิ่มความขัดแย้งกันมากยื่งขึ้น จัดเป็นการออกแบบปัญหาให้ พล.อ.ประวิตร โดดเด่นในการเลือกนายกฯ เพราะนายพิธา เห็นชัดเลยว่า ไปไม่ถึง 376 เสียงอยู่แล้ว”

นายจตุพร กล่าวว่า การออกแบบให้หักกันทางการเมืองนั้น ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยกระทำต่อพรรคก้าวไกล แม้ทั้งสองพรรคยืนยันหารือการตั้งรัฐบาล กำหนดตำแหน่งรัฐมนตรีกันก็ตาม แต่ล้วนเป็นตำแหน่งทิพย์ ไม่เป็นจริง เพราะตำแหน่งที่เป็นจริงคือ ประธานสภา ที่จะก่อความบาดหมางให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้ทวีความรุนแรงขึ้น

“หลังจากผลลัพธ์ประธานสภาออกมา ความขัดแย้งยิ่งเกิดเด่นชัดขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นความขัดแย้งยังลุกลามไปสู่มวลชนพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล แล้วความขัดแย้งนี้จะส่งผลไปสู่นายกฯ แน่นอน ถึงที่สุดก็จะทำให้ พล.อ.ประวิตร ได้แสดงบทบาทก้าวข้ามความขัดแย้ง และพรรคก้าวไกลก็แตกหักพรรคเพื่อไทยในวันเลือกนายกฯ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะการลงคะแนนเป็นแบบเปิดเผย ไม่มีเสียงอีแอบอีกเลย”

นายจตุพร กล่าวว่า อีกไม่กี่วันก็จะได้พิสูจน์การออกแบบการเมืองที่เริ่มด้วยเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภา แล้วเกิดปัญหานำไปสู่การขัดแย้ง และเปิดโอกาสให้พล.อ.ประวิตรได้เป็นนายกฯ ซึ่งจะเป็นวันเปิดเผยการแตกหักระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย

อีกทั้ง เห็นว่า การออกแบบการเมืองของพรรคเพื่อไทยนั้น ล้วนไปสำแดงเดชในเป้าหมายให้ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านให้ได้ โดยใช้สมบัติชิ้นสุดท้ายคือ พรรคเพื่อไทยมาแลก ซึ่งเป็นการออกแบบกันใหม่ในสถานการณ์พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง จึงเกิดปฎิบัติการจุดความขัดแย้ง สร้างปัญหา เพื่อให้ไปบรรลุเป้าหมายแตกหักวันเลือกนายกฯ แล้วได้ทักษิณ กลับบ้านเป็นคำตอบสุดท้าย

#ประเทศไทยต้องมาก่อน

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img