‘วิษณุ’ แจงเกณฑ์ 3 ข้อกำหนดวันชาติ เมิน ‘โรม’ ชงเปลี่ยนเป็น24 มิ.ย. เหน็บถ้ามีปัญญาเสนอก็ทำไป เพราะถ้าประชาชนคัดค้าน เดี๋ยวก็เปลี่ยนกลับมาอีก
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีแนวคิดอยากเสนอให้เปลี่ยนแปลงวันชาติ จากปัจจุบันที่เป็นวันที่ 5 ธ.ค. ไปเป็นวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญว่า การเปลี่ยนวันชาติต้องเป็นพื้นฐานมาจากประชาชน นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วย ทั้งนี้ในอดีตเคยกำหนดให้วันที่ 24 มิ.ย.เป็นวันชาติ จนมาถึงยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนเป็นวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งขณะนั้นได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย และเปลี่ยนแปลงโดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้านายรังสิมันต์คิดจะเปลี่ยนวันชาติ พรรคก้าวไกลต้องได้เป็นรัฐบาลก่อนใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็ช่างเขา”
เมื่อถามย้ำว่า ต้องเป็นรัฐบาลก่อนให้ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ครับ”
เมื่อถามว่า จะต้องทำประชามติเรื่องการเปลี่ยนวันชาติหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องถึงขั้นทำประชามติ แต่อาจต้องเปิดรับฟังความคิดเห็น และเมื่อได้รวบรวมและสรุปความคิดเห็นต่างๆมาอย่างไร ก็ใช้อำนาจของครม.ในการเปลี่ยนแปลงกำหนดวัน ซึ่งในตอนนั้นใช้ธรรมเนียมในการเปลี่ยนของต่างประเทศ ประกอบด้วย 1.ใช้วันชาติในวันที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มระบอบเดิมไปสู่ระบอบใหม่ ซึ่งกรณีของไทยไม่เข้าตรงนี้ เพราะของเรายังมีพระมหากษัตริย์สืบมา 2.เป็นประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมแล้วต่อมาได้รับเอกราช ก็ใช้วันที่ประกาศเอกราชเป็นวันชาติ 3.ใช้วันเกิดของประมุข ซึ่งประเทศไทยใช้ข้อนี้ เพราะวันที่ 24 มิ.ย.ไม่เข้าเกณฑ์ในข้อ 1 และ 2 ที่นานาประเทศใช้กัน
เมื่อถามว่า คิดว่าเหตุใดทำให้นายรังสิมันต์ยืนยันว่าจะกลับไปใช้วันที่ 24 มิ.ย. นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ช่างเขา ตนไม่พูดถึงเขา ถ้าเขามีปัญญาเสนอ และรัฐบาลเขาเห็นด้วย ก็ทำไป แต่ถ้าประชาชนคัดค้าน เดี๋ยวก็เปลี่ยนกลับมาอีก
เมื่อถามว่า แปลว่าต้องให้น้ำหนักกับเรื่องอะไรในการเปลี่ยน นายวิษณุ กล่าวว่า ให้น้ำหนักกับประชาชน
