วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกNEWSส.ว."สับ"พิธา"ปากอย่างใจอย่าง ปูดวิชามารใช้กองทัพอวตาร
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ส.ว.”สับ”พิธา”ปากอย่างใจอย่าง ปูดวิชามารใช้กองทัพอวตาร

“เสรี -สมชาย” สับ “พิธา” ไม่เหมาะเป็นนายกฯ ปากอย่างใจอย่าง เจอสวนกลับกุคลิปเฟกนิวส์ ปูดวิชามารใช้กองทัพอวตาร ขณะที่ ‘พริษฐ์ ‘ แจงนโยบายแก้ไข ม.112 ไม่ใช่ล้มล้าง

วันที่ 13 ก.ค.66 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิดตชลชัย รองประธานรัฐสภา เพื่อเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ

ต่อมาเวลา 13.45น. นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อภิปรายว่า นายพิธาไม่สมควรได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ การที่พรรคก้าวไกลได้ 14ล้านเสียง อย่าสำคัญผิดว่าได้ 30เสียงล้านเสียง เพราะเสียงที่เหลือเป็นของพรรคอื่นที่ประชาชนลงคะแนนให้ พรรคเพื่อไทยก็ได้ 10ล้านเสียง ที่ไม่เลือกนายพิธาเป็นนายกฯ การทำหน้าที่นายกฯต้องมีพฤติกรรมชัดเจน ไม่หลบลู่สถาบัน 4 ปีส.ว.ถูกด่ามาตลอด แต่ทนอยู่เพื่อปกป้องบ้านเมืองที่มีสร้างแนวคิดให้ประชาชน และยุยงเด็กไปในแนวทางที่ผิด ให้ละเมิดสถาบัน ถ้าบอกว่า อยากเป็นนายกฯและจะเลิกแก้มาตรา112 ตนก็ไม่เชื่อ คิดว่าหลอกลวง วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง

จากนั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ใช้สิทธิถูกพาดพิงชี้แจงการยุยงสนับสนุนเด็ก ยืนยันเด็กรุ่นใหม่ยุยงปลุกปั่นไม่ได้ เขามีความคิดเป็นของตัวเอง สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ไม่เหมือนสมัยก่อน ส่วนการใช้ตำแหน่งส.ส.ไปประกันตัวเด็กนั้น เพื่อต้องการให้เข้าถึงเสรีภาพการเข้าถึงทนาย และสันนิษฐานว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ถ้ายังไม่มีคำพิพากษา

ทำให้นายเสรีโต้กลับว่า มีหลักฐานเป็นคลิประบุชัดเจนที่เด็กพูดเองมีพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง แต่นายพิธา ยืนยันว่า เรื่องคลิปต่างๆมีเฟคนิวส์ ใครจะทำอะไรก็ได้ เพราะไม่มีการตรวจสอบ จะพูดอะไรต้องพิสูจน์ก่อน ต้องมีวุฒิภาวะการตรวจสอบ แต่นายเสรี สวนทันควันยืนยันว่า ที่ผ่านมาอยู่ในสายตาท่านมาตลอด ไม่ใช่เฟกนิวส์ เป็นเรื่องจริง

ด้วนนายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่า ขณะนี้มีกองทัพอวตารแก้วสามประการในโซเชียล พยายามมากดดัน บูลลี่ส.ว.ให้เลือกตามมติเสียงข้างมาก แม้จะมีส.ว.บางส่วนขอปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ก็ยังการขู่ บูลลี่ไม่ให้ปิดสวิตช์ ไม่ขอพูดถึงวิชามารมีทุกรูปแบบ แต่ยืนยันส.ว.ทั้งหมด มีสิทธิทำหน้าที่เท่าเทียมส.ส.ทุกประการ ทุกคนทำหน้าที่อย่างสุจริต ไม่มีอคติ อามิสสินจ้าง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาใช้มวลชนบนท้องถนน กองทัพอวตารในโซเชียลโจมตีส.ว. แต่ตนจะทำหน้าที่ด้วยความไม่เกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น เชื่อมั่นว่า ส.ว.ทุกคนเคารพเสียงเลือกตั้งที่เห็นด้วยกับทุกพรรคการเมือง ขอร้องหลังจากเลือกเสร็จแล้วไม่ว่านายพิธาจะได้เป็นนายกฯหรือไม่ ขอให้เลิกอ้างเสียงข้างมากมากดดัน เพราะผิดหลักประชาธิปไตย เป็นอนาธิปไตย

“เลิกอ้างเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง แล้วบังคับคนทั้งประเทศว่าต้องเห็นด้วย แบบนั้นผิดหลักประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการ เรากำลังเข้าสู่การเมืองที่เราอยากเห็นประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เราอยากเห็นความสงบ วันนี้เราเดินเข้าสู่ครรลองประชาธิปไตยแล้ว อย่าใช้สังคมกดทับ อย่าใช้ประชาธิปไตยแบบฟุ่มเฟือย หรือเลือกพวกข้าเท่านั้นที่ถูก เลือกพวกเอ็งผิด แบบนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย ถ้าเลือกทางเดินแบบสุดโต่ง สร้างลัทธิสุดโต่งครอบงำเยาวชน ผมในฐานะสมาชิกรัฐสภา พิจารณาแล้วเห็นว่านายพิธา ยังไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ” นายสมชายกล่าว


ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า นโยบายบางส่วนของพรรคก้าวไกล มีความมุ่งหมายจะล้มล้างการปกครอง

นายพริษฐ์ เล่าที่มาว่า เดิมทีมาตรา 112 ระบุโทษเกี่ยวกับการให้ร้ายพระมหากษัตริย์ เจตนาที่พรรคก้าวไกลเสนอให้แก้ไข ก็ไม่ต่างจากเจตนาของหลายท่านในรัฐสภาแห่งนี้ คือตั้งใจสานความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์และประชาชนภายใต้ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป จึงต้องแก้ไขเพื่อรักษาสมดุลในสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน

นายพริษฐ์ ชี้ว่า มาตรา 112 มีปัญหาเรื่องการบังคับใช้ แต่มีหลายกรณีที่การดำเนินคดีหรือตัดสิน อาจไม่เข้าข่ายการอาฆาตมาดร้าย พรรคก้าวไกลจึงเสนอแก้ไขเพื่อเขียนขอบเขตการบังคับใช้ได้ชัดเจนขึ้น ระหว่างการแสดงออกโดยสุจริต อีกทั้งยังมีอัตราโทษที่รุนแรงไม่ได้สัดส่วนกับความผิด

รวมถึงการเปิดช่องให้ทุกคนสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้นั้นเปิดโอกาสให้ใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง ย่อมไม่เป็นผลดีต่อสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะของพระมหากษัตริย์

“การเสนอแก้ไขมาตรา 112 พรรคก้าวไกลไม่ได้มีเจตนาจะล้มล้างการปกครอง แต่พยายามเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับหลักสากล ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

และข้อกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลไม่เข้าใจระบบการปกครองแบบรัฐสภา พริษฐ์ ได้ชวนสมาชิกตั้งสติพร้อมกันว่า คำถามสำคัญในวันนี้ ไม่ใช่การแสดงความเห็น ว่ารู้สึกอย่างไรต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่คือคำถามที่ว่า รัฐสภาจะเคารพเสียงของประชาชนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใด ซึ่งผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ได้แสดงให้เห็นแล้ว

“แต่ข่าวร้ายคือประเทศเรานั้นไม่ได้อยู่ในสภาวะการเมืองที่เป็นปกติ ซึ่งมีต้นกำเนิดส่วนหนึ่งมาจากมาตรา 272 คือให้ ส.ว.มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี มีส่วนในการแทรกแซงให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย เราจึงต้องคืนความปกติให้ประเทศไทยเดินไปสู่อนาคต”

นายพริษฐ์ เน้นย้ำว่า เคารพในความเห็นส่วนตัวของ ส.ว. แต่ต้องย้ำว่าหากมีความประสงค์จะคืนความปกติให้กับระบบการเมืองไทย ทางออกนั้นต้องมาใช้การงดออกเสียง หรือการไม่อยู่ในที่ประชุมนี้ แต่คือการให้เสียงเห็นชอบให้ พิธา

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img