“พท.-ชทพ.” ชื่นมื่น “วราวุธ” ยกระดับ ไม่ใช่แค่แก้ 112 แต่ไม่ขอจับมือกับพรรคการเมืองที่มีทัศนคติไม่ดีต่อสภาบัน ด้าน “ชลน่าน””ยันไม่ทิ้งก้าวไกล
เมื่อเวลา 14.46 น. วันที่ 23 ก.ค.66 ที่ห้องแถลงข่าวพรรคเพื่อไทย ภายหลังการหารือประมาณ 40 นาที นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดยนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมคณะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยได้รับมอบภารกิจจากพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยย้ำว่าการดำเนินการวันนี้ เป็นไปตามมติของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการแสวงหาเสียงสนับสนุนในรัฐสภา โดยมีสองแนวทางคือ หาเสียงจาก สว.ซึ่งมีคณะทำงานและสอง ให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการหาเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมือง เราจึงเชิญพรรคการเมืองต่างๆ ที่อยู่ในสภามาพบปะพูดคุยเพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยย้ำว่าไม่ใช่การร่วมรัฐบาลแค่ การหาหรือพูดคุยหลังก่อนหน้านี้แต่ละพรรคหลังจากก่อนหน้านี้แต่ละพรรคได้แสดงจุดยืนผ่านทั้งแถลงการณ์และผ่านช่องทางอื่นๆ ซึ่งการพูดคุยของแต่ละพรรคก็เพื่อเป็นข้อมูล นำกลับเข้าไปพูดคุยที่ประชุม 8พรรค
“วันนี้จึงขอบคุณทางพรรคชาติไทยพัฒนาที่นำโดยนายวราวุธ ที่ให้เกียรติกับพรรคเพื่อไทยมาหารือร่วมกัน โดยการหารือวันนี้กับพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นไปตามเป็นแนวทางของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่การเชิญมาเพื่อร่วมรัฐบาล แต่จะเป็นแนวทางจัดตั้งรัฐบาลให้ได้อย่างไร”นพ.ชลน่าน กล่าว
ด้านนายวราวุธ กล่าวว่า ขอบคุณพรรคเพื่อไทยและผู้บริหารพรรคให้เกียรติเชิญมาหารือ ขอย้ำว่าสิ่งที่พรรคประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า หากจะทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะในมิติหรือบริบทใดจะต้องมีแนวนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนายืนยันตั้งแต่ก่อตั้งเป็นพรรคชาติไทย จนถึงปัจจุบันพรรคมีจุดยืนชัดเจนที่เด่นชัดข้อหนึ่งคือ การทำงานเพื่อชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันที่รัก ต้องไม่มีการแตะต้องแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญ ตลอดถึงทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หากพรรคการเมืองใดมีแนวคิดเช่นเดียวกัน ก็ร่วมงานกันได้ แต่หากมีพรรคการเมืองแนวคิดที่แตกต่าง หรือคิดเห็นไม่ตรงกันเราก็คงจะแยกย้ายกันทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับที่นพ.ชลน่านกล่าวไว้ว่า การมาพูดคุยวันนี้ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาล แต่เป็นแนวทางการทำงาน ดังนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยมีแนวทางคล้ายกับพรรคชาติไทยพัฒนาเกี่ยวกับสถาบันและมาตรา 112 และมีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยพรรคชาติไทยพัฒนาก็ยินดีที่จะสนับสนุนแต่การทำงานของพรรคเพื่อไทยนั้นจะต้องไม่มีพรรคการเมืองใดที่แตกแยกออกไปจากที่พวกเราคิด หากมีแนวคิดแตกแยกออกไปก็คงจะเป็นแยกย้ายกันทำงาน
เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลลดเงื่อนไขเรื่อง 112 จะสามารถร่วมงานได้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวย้ำว่า พรรคชาติไทยพัฒนาชัดเจนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 และทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หากมีทัศนคติเชิงบวกต่อสถาบัน
เมื่อถามย้ำว่า ประเมินทัศนคติต่อสถาบันของพรรคก้าวไกลอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาประเมินได้ระดับนึง แต่คิดว่าพี่น้องประชาชนประเมินได้ดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีอคติ คิดว่าพี่น้องประชาชนและสาธารณะชนประเมินกันได้แล้ว และเห็นภาพชัดเจนกว่า
เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคการเมืองเข้ามาหารือนั้นทำให้ถูกมองว่าเป็นการพยายามผลักพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า อย่างว่าการทำงานร่วมกันจะต้องมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันหากพรรคที่มีแนวคิดไม่ตรงกันก็คงไปด้วยกันไม่รอด ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาพูดไปแล้วพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่เดือดร้อน
นพ.ชลน่าน ชี้แจงเพิ่มเติมถึงเรื่องเป็นการผลักให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ว่า เราดำเนินการตรงนี้ภายใต้เงื่อนไขของแปดพรรคการเมืองคำตอบที่ได้ทั้งหมดของการหารือกับพรรคการเมือง จะเข้าสู่กระบวนการการทำงานของแปดพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องมีการพูดคุยกันเมื่อแปดพรรคร่วมเห็นอย่างไรก็จะเป็นมติไม่ใช่กระบวนการผลักพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า เพื่อไทยจะเอาอย่างไรกับพรรคก้าวไกล และเป็นการยืมดาบจากพรรคอื่น เพื่อบีบก้าวไกลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เพื่อไทยทำงานอย่างตรงไปตรงมาไม่มีลับลมคมในกลับเพื่อนเรา เมื่อพรรคก้าวไกลส่งมอบภารกิจให้เราเราก็เริ่มต้นด้วยการคุยกับแปดพรรคการเมือง แล้วพรรคเพื่อไทยมาทำงานตาม แนวทางสามพ่อของมติแปดพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลมาดำเนินการตามนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดตามนั้นเป็นกระบวนการ ถ้าถามว่าเพื่อไทยจะเอาอย่างไรแน่ก็ต้องหลังจากที่เราทำงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย พูดคุยกับทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภาแล้วเข้าสู่ที่ประชุมแปดพรรคร่วมคำตอบจะอยู่ตรงนั้น
เมื่อถามถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อระบุว่าไม่ควรจับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นพรรคเพื่อไทยไม่ปิดกั้น
เมื่อถามถึงสิ่งที่นพ.ชลน่านเคยประกาศไว้ก่อนหาเสียงเลือกตั้งในเวทีดีเบต พร้อมลาออกหากจับมือกับ “2 ลุง” นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “จำได้ตลอด และจำได้ดี แต่ขอให้รอสถานการณ์ให้เกิดขึ้นจริง ถึงจะมีคำตอบ และจะตอบคำถามนี้แน่นอน”
เมื่อถามว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับมือกับ 8 พรรคการเมืองใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้เราแสวงหาเสียงให้ได้ 376 เสียง เพราะหากมีแค่ 8 พรรค ก็จะได้แค่ 312 เสียง ร่วมกับสว. อีก 13 เสียงก็จะได้แค่ 324 เสียง ดังนั้นเราต้องหาทางออก ภายใต้แนวทางที่แปดพรรคการเมืองมอบหมายให้พรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยภายหลังการแถลงข่าวผู้สื่อข่าวได้แซวนายวราวุธ ที่สวมเข็มขัดสีแดงร่วมวงประชุมกับพรรคเพื่อไทยวันนี้ ขณะที่นายวราวุธเองก็ได้บอกว่า แม้แต่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ก็ยังสวมเสื้อเชิ้ตด้านในเป็นสีชมพูเช่นกัน ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า วันนี้ได้โทรนัดกันมาหรือไม่ในการแต่งตัว แต่ นพ.ชลน่านได้เข้ามาห้าม โดยทำมือเป็นสัญลักษณ์ไขว้กัน เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนพูดต่อ
ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ นายวราวุธยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี เมื่อถูกถามว่า ตั้งใจใส่เข็มขัดแดงมาเลยหรือเปล่า นายวราวุธ ตอบว่า เราชอบใส่ปกติอยู่แล้ว ใส่มานานแล้ว พร้อมบอกว่าได้ชิมเมนู ช็อคมิ้นต์แล้ว อร่อยดีต่อใจ แต่ไม่ดีต่อสุขภาพเพราะทั้งหวานและมัน ต้องชม เพราะทราบมาว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เป็นคนคิดสูตรนี้ขึ้นมา แนะนำว่าเมื่อกินแล้วต้องไปวิ่งออกกำลังกายต่อ
อย่างไรก็ตาม วันนี้มีการสั่งเครื่องดื่มช็อคมิ้นต์ ให้กับแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาได้ลองดื่ม ระหว่างการประชุมภายในห้องประชุมแทนการลงมาดื่มที่ห้อง Think Lab เหมือนพรรคการเมืองอื่นๆ
