“อนุทิน” รอ “เพื่อไทย” สรุปโควตารมต. ก่อนลงมติเลือกนายกฯ เชื่อ “รทสช.” รอพรรคแกนนำเชิญร่วมรัฐบาล แนะใช้เหตุผลไม่ตั้งเงื่อนไข ชี้ทุกคนก็ต้องการสิ่งที่ตนเองต้องการ ขอให้คำนึงถึงความจำเป็น-รักษาความสัมพันธ์การทำงานร่วมกัน เป็นทีมเดียวกันมากกว่าใครจะอยู่ตำแหน่งใด
วันที่ 16 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงโตวตารัฐมนตรีว่าการ 4 ตำแหน่ง และช่วยว่าการอีก 4 ตำแหน่งให้กับพรรคภูมิใจไทยว่า ยังจะต้องรอพรรคเพื่อไทยนัดพูดคุยเพิ่มเติม โดยจะต้องรอให้กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันนี้ (16 ส.ค.) ผ่านพ้นไปก่อน แต่พรรคภูมิใจไทยไม่ได้กังวลใด ๆ เพราะการพูดคุย น่าจะแล้วเสร็จก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และการพูดคุยก็ต้องพิจารณาถึงภาพรวม พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวการเจรจาที่ไม่ลงตัว แต่ย้ำถึงความจำเป็นที่พรรคการเมืองควรจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงเดิมว่า เพื่อให้งานมีความต่อเนื่อง และควรใช้เหตุใช้ผล ไม่ตั้งข้อจำกัด หรือเงื่อนไข แต่พรรคภูมิใจไทย ก็พร้อมรับฟัง ยกเว้นเพียงการห้ามดำรงตำแหน่งกระทรวงเดิม เพราะจะเป็นการขยายอิทธิพล อยู่นาน หรือจะไม่โปร่งใส ซึ่งพรรคภูมิใจไทย รับไม่ได้
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยต้องการบริหารกระทรวงด้านเศรษฐกิจนั้น นายอนุทิน ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยระบุเพียงว่า จะต้องรอการพูดคุยกันก่อน
เมื่อถามถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ รอพรรคเพื่อไทยตอบรับให้เข้าร่วมรัฐบาลนายอนุทิน กล่าวว่า พรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความเกี่ยวข้องกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯแต่ขึ้นอยู่กับว่า พรรคเพื่อไทย จะพิจารณาว่า จะเชิญพรรคการเมืองใดร่วมรัฐบาลด้วย แต่พรรคภูมิใจไทย ไม่เคยสร้างเงื่อนไข และไม่ต้องการให้พรรคการเมืองใด มาสร้างเงื่อนไขให้กับพรรคภูมิใจไทยด้วย
เมื่อถามว่าสว.แสดงความกังวลต่อคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิดเตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย หลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นักเคลื่อนไหวการเมือง ออกมาเปิดเผยขอมูลต่าง ๆ จนอาจทำให้สิทธิ์การจัดตั้งรัฐบาลต้องตกมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยนายอนุทิน กล่าวว่า จะต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน และตามสถานการณ์ ไม่ควรคิดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่มั่นใจว่า หากพรรคเพื่อไทย พูดคุยกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย มีการแถลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ และเสนอชื่อนายเศรษฐา ต่อที่ประชุมรัฐสภา ก็ไม่น่าจะมีปัญหา และจะต้องรับฟังซึ่งกันและกัน
“ไม่มีใครกำหนดเงื่อนไขได้เพียงฝ่ายเดียว การเจรจา เพื่อแก้ไขเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกคนก็ต้องการสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่ก็จะต้องพิจารณาถึงความจำเป็น และการรักษาความสัมพันธ์การทำงานร่วมกัน รวมถึงการเป็นทีมเดียวกัน ที่ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญมากใครจะอยู่ตำแหน่งใด”นายอนุทอน กล่าว
