วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกHighlight“สมศักดิ์”ยัน“ทักษิณ”เข้าเกณฑ์ระเบียบราชทัณฑ์ใหม่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สมศักดิ์”ยัน“ทักษิณ”เข้าเกณฑ์ระเบียบราชทัณฑ์ใหม่

“สมศักดิ์” รับ “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์ระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ แจงยิบปัดเอี่ยวแก้ระเบียบ ยันกฎหมายพัฒนาไปเข้าสู่ความเป็นสากล ลั่นไม่เคยล้วงลูก ย้อนสื่อเคยนอนคุก ลองไปสักคืน เครียดก็ป่วยหนักได้

วันที่ 20 ธ.ค.2566 เวลา 09.20 น.ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวของกรมราชทัณฑ์ที่มีชื่อตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องกรณีออกกฎกระทรวง ปี 2563 ว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 2560 เป็นกฎหมายที่ออกมาในช่วงของรัฐบาลคสช.ก่อนที่ตนจะเข้ามาเป็นสส. ซึ่งหลังจากมีการเลือกตั้งในปี 2562 ตนเข้ามาเป็นรมว.ยุติธรรม โดยได้ออกกฎกระทรวง มาตรา 33 เรื่องการจำแนก พฤติกรรม การรักษาพยาบาล ตลอดจนการเตรียมพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง ในปี 2563

ต่อมามีข้าราชการ อดีตข้าราชการ และคณะกรรมการสิทธิมนุยชนได้เข้ามาหาตน เพื่อขอให้มีที่คุมขังนอกเรือนจำ ทั้งกับนักโทษ ผู้ต้องขัง หรือผู้ที่ถูกกล่าวหา ที่ไม่ควรจะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ซึ่งตนก็เห็นด้วย จึงให้ปลัดกระทรวง และคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรมดำเนินการเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันเสร็จเรื่องตนก็ได้ลาออกจากรมว.ยุติธรรม และได้มาเห็นการทำระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาช่วงนี้ และมีการกล่าวถึงตน ยิ่งตนมีฐานะเป็นวิปรัฐบาลด้วย ทำให้มีหลายคนเข้ามาถาม ซึ่งทางวิปก็ยอมรับว่า ในช่วงที่มีการออกฎหมายเป็นกฎหมายที่ดี จึงขอให้ตนมาช่วยชี้แจง และทำความเข้าใจต่อสาธารณะ ในส่วนที่จะเข้าสู่กระบวนการการคัดแยกให้เป็นสากลขึ้น

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทำให้มีกระแสข่าวออกมาว่า มีการเอื้อประโยชน์กับผู้ต้องขังรายใดรายหนึ่งหรือไม่ ซึ่งตนก็ชี้แจงไปว่า ไม่ใช่ เป็นกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ในกรอบสากล เพราะฉะนั้นการจำแนกผู้ต้องขัง และมีที่คุมขังนอกเรือนจำนั้น เป็นการดำเนินการตามหลักสากล และกฎหมายนี้ ก็อนุญาตให้ดำเนินการในลักษณะนี้ได้ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการอย่างครบถ้วน ตามเกณฑ์ แต่การจำคุกที่มีโทษร้ายแรง จะไม่ถูกนำมาจำแนก เรื่องนี้เป็นเรื่องการทำความเข้าใจ

ขณะนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่มีตัวอย่างในกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในการคุมขัง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการอธิบายเรื่องทัณฑวิทยา ซึ่งตนก็ยินดีที่จะตอบคำถามในส่วนที่ยังขัดกับความรู้สึกของประชาชน และยังมีประเด็นไหนที่น่าจะต้องปรับแก้ให้ชัดเจน ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรมอยู่ด้วยนั้น ก็ไม่ได้ไปล้วงลูก แต่ทบทวนสิ่งที่เคยผ่านมาให้เห็น

เมื่อถามว่ากรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้าเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เข้าเกณฑ์ เพราะเท่าที่ดูคือมีโทษไม่เกิน 4 ปี และไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม แต่เป็นโทษในลักษณะที่ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม จึงสามารถอยู่ในที่คุมขังได้ และเป็นโทษที่มีจำนวนน้อยกว่า 1 ปี

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า การที่นายสมศักดิ์ได้เข้าพรรคเพื่อไทย เพราะมีการเอื้อประโยชน์กันในส่วนนี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ถ้าคิดว่าจะต้องเข้าพรรคเพื่อไทย ตนคงทำให้เสร็จในตอนนั้นไปแล้ว แต่ตนไม่ได้คิด มันเป็นไปตามครรลอง เป็นพัฒนาการของกฎหมายจากปี 2560 ไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคการเมืองไหน แต่กฎหมายมันพัฒนาไปเข้าสู่ความเป็นสากล

“ยืนยันว่า นี่คือพัฒนาการของกฎหาย และเป็นโอกาสของประเทศ โชคดีที่มีกรณีสำคัญตรงนี้ที่ทำให้คนสนใจ และได้ออกมาอธิบาย แต่เมื่อตนเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มเดินไปในอีกทิศทางหนึ่ง จึงต้องพูดให้สังคมเข้าใจ และกรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีอำนาจใหญ่กว่าศาล”นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การบริหารโทษทางอาญามี 5 ประเภท แต่ในส่วนของกรมราชทัณฑ์มี 2 ประเภท คือประหารชีวิต และการจำคุก ซึ่งการจำคุกนี้ ไม่ได้สงวนไว้แค่ในเรือนจำเท่านั้น ขณะนี้เท่าที่ทราบในการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นทางการ มีกลุ่มคนที่มีโทษน้อยกว่า 4 ปี จำนวน 10,000 กว่าคน ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่พ้องต้องกัน

“โชคดีที่ได้เอาเคสนี้มาอธิบายต่อสาธารณะ เพราะมีวีไอพีอยู่ตรงนี้ทำให้คนสนใจติดตาม แต่ไม่ได้ทำเฉพาะกรณีนี้ หรือเป็นการเอื้อประโยชน์” นายสมศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าในส่วนของการรักษาตัวที่โรงพยาบาลของนายทักษิณเกิน 120 วัน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อยู่ในความเห็นของแพทย์ และอำนาจของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และจากสถิติของเดือนนี้ ก็มีผู้ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 30 วันเป็นจำนวนมากเกือบ 150 คน ไม่ใช่แค่ 1-2 คน ในอดีตก็มีมาก แต่ไม่ได้เปิดเผย นายทักษิณเป็นคนที่สาธารณะให้ความสนใจ ถ้ามีผู้ที่อธิบายเรื่องดังกล่าวให้สังคมเข้าใจ สังคมจะยอมรับและเดินหน้าต่อไปได้

เมื่อถามถึงการที่นายทักษิณมีสุขภาพดีตอนที่อยู่ต่างประเทศ แต่เมื่อมาถึงประเทศไทยกลับป่วย ถือว่าแปลกหรือไม่ นายสมศักดิ์ ย้อนถามว่า “ก็น้องไม่เคยถูกจองจำ น้องลองไปสักสองสามวัน ชีวิตมันเครียดนะ เราเสียอิสรภาพหรือสิ่งต่างๆ ที่เราเคย ลองเข้าไปนอนสักคืนสองคืน นอนไม่หลับ คนอายุมากความดันขึ้น ป่วย” ดังนั้นทางผบ. เรือนจำและอธิบดีก็มองว่ามีความเสี่ยง เมื่อเห็นเหตุการณ์แล้วจึงไปส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และเพื่อไม่ให้ตนเองต้องรับผิดชอบด้วย ใครไม่เคยไปนอนคุก ไม่เคยถูกจองจำ ลองไปสักคืนสองคืน จะพบว่าความเครียดเป็นต้นกำเนิดของโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย

นายสมศักดิ์ ยังยกตัวอย่างว่า โรคเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคอื่นเช่นโรคเบาหวานความดันเข้ามารุมเร้า พร้อมถามผู้สื่อข่าวว่าเคยเป็นหวัดภูมิแพ้หรือไม่นอนไม่หลับสองคืนก็จะป่วยหนัก ตนเองก็เป็นเช่นกันเดี๋ยวนี้โรคภัยไข้เจ็บเยอะ ยิ่งคนที่อยู่ในเรือนจำเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ

เมื่อถามว่าจะสามารถเปิดเผยแค่เพียงชื่อโรคของนายทักษิณได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ ยืนยันว่าส่วนนี้เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ตนเองเพียงแค่มาพูดในทางวิชาการ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img