จากใจ “อดีตน.ช.เทพไท” ถึงกรณี “น.ช.ทักษิณ” ป่วยเป็นโรคหัวใจรั่ว เหน็บเจ็บหรือเป็น “หัวใจชั่ว” เพราะออกเสียงใกล้เคียงกัน เย้ยหากไม่ได้เป็นอะไรเลย แล้วเลี่ยงการนอนเรือนจำเรียกว่า “หัวใจเสาะ” คงเพราะไม่อยากถูกตราหน้าว่า “คนขี้คุก”
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพักโทษ ต้องติดกำไล EM จากคดีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชปี 2557 ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี เมื่อ 6 ก.ค.65 แสดงความเห็นต่อกรณีนักโทษเด็ดขาดชาย “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ถูกตัดสินจำคุก แต่ไม่ได้นอนเรือนจำแม้แต่คืนเดียว โดยอ้างเรื่องสุขภาพ จึงมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เกิน 120 วันแล้ว โดยนายเทพไท ระบุหัวเรื่องว่า “หัวใจรั่ว? หัวใจชั่ว? หัวใจเสาะ?” มีเนื้อหาว่า…“ผมได้เฝ้าติดตามการไปศึกษาดูงาน ของคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่โรงพยาบาลตำรวจ ด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยากรู้ว่าคณะกรรมาธิการตำรวจ ได้ค้นพบความจริงเกี่ยวกับ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร
ในประเด็นใดบ้าง
แต่ในที่สุดผลการศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการตำรวจ เป็นการหาข้อมูลในการปฎิบัติหน้าที่ต่อการรักษาตัวของผู้ป่วย ที่เป็นนักโทษของโรงพยาบาลตำรวจเท่านั้น ไม่สามารถเจาะลึกขัอมูลได้ว่า คุณทักษิณได้พักอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลาหรือไม่ หรือน.ช.ทักษิณป่วยจริงหรือไม่ และป่วยด้วยโรคอะไร
ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่คณะกรรมาธิการตำรวจ ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปพบและพูดคุยกับน.ช.ทักษิณได้ แต่สามารถพูดคุย สอบถามอาการป่วยกับนักโทษ 2 คน ที่มารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจได้ อย่างนี้แสดงว่า กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ เลือกปฏิบัติหรือปฏิบัติสองมาตรฐาน กับนักโทษที่มารักษาพยาบาล แบบเห็นกันชัดๆ
แต่มีข้อมูลที่ผมสะดุดหูมากเป็นพิเศษ คือ การบอกเล่าของหัวหน้าพยาบาล ที่รักษาคุณทักษิณได้บอกว่า คุณทักษิณ ป่วยเป็นโรคหัวใจรั่ว ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า คนที่รับฟังจากปากของหัวหน้าพยาบาล รับฟังได้ชัดเจนหรือไม่ เพราะคำว่าหัวใจรั่ว กับหัวใจชั่ว การออกเสียงใกล้เคียงกัน จึงไม่รู้ว่าคุณทักษิณป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่
สำหรับอาการของคนเป็นโรคหัวใจรั่ว จะเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ซึ่งถ้าดูสภาพร่างกายของคุณทักษิณ ตั้งแต่ก่อนกลับประเทศไทย มีการออกกำลังกายโชว์ความฟิต ชกลม แตะกระสอบทรายได้อย่างแข็งแรง และวันเดินทางกลับประเทศไทย ก็มีท่าทางที่แข็งแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่น่าประหลาดใจ เวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง ก็เกิดอาการป่วยถึงขั้นวิกฤติขึ้นมาทันที
แต่ถ้าหากว่าคุณทักษิณไม่ได้ป่วยด้วยโรคอะไรเลย แต่พยายามที่จะใช้เงื่อนไขข้ออ้างการป่วย เพื่อพักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลีกเลี่ยงการถูกคุมขังในเรือนจำ หรือไม่ยอมรักษาตัวที่ โรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในเรือนจำคลองเปรม เขาเรียกว่า หัวใจเสาะ ไม่กล้าเผชิญความจริง คงไม่ต้องการให้ถูกตราหน้าว่า พวกขี้คุก ถูกจำคุกมาแล้ว เพราะได้เคยประกาศไว้ว่า จะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
ผมขอฝากให้หน่วยงานอื่นๆ ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณทักษิณ ได้เดินหน้าทำความจริงให้ปรากฎต่อไป เพราะประชาชนทั้งประเทศยังรอคำตอบอยู่ ส่วนคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร คงจะทำหน้าที่ได้แค่นี้แหละครับ”
