วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกHighlight“กสม.”สรุปม็อบปี 63“ไม่มีเหตุรุนแรง” แต่ติงฉีดน้ำสารเคมีสลายแยกปทุมวัน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กสม.”สรุปม็อบปี 63“ไม่มีเหตุรุนแรง” แต่ติงฉีดน้ำสารเคมีสลายแยกปทุมวัน

“กสม.” สรุปเหตุการณ์ ม็อบชุมนุมตลอดทั้งปี 63 มีกระทบกระทั่ง แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ไม่วายติงการฉีดน้ำสารเคมีสลายชุมนุมแยกปทุมวัน เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ อัด “ดีอี” ไล่ปิดบัญชีโซเชียล อาจกระทบสิทธิการแสดงความเห็น-เข้าถึงข้อมูล พร้อมห่วงวาทะกรรมสร้างความเกลียดชัง

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เผยแพร่รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2563 โดยในการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในสถานการณ์เฉพาะเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน โดยระบุตอนหนึ่งว่า สำหรับสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองจากการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์การชุมนุมของ กสม. ส่วนใหญ่พบว่า ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แม้จะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่บ้างระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในบางกรณี แต่ทั้งสองฝ่ายพยายามใช้ความอดทนอดกลั้น เพื่อไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น อย่างไรก็ดีมีการชุมนุมสองกรณีที่บริเวณแยกปทุมวันและหน้ารัฐสภา ที่รัฐใช้มาตรการยุติการชุมนุมโดยการฉีดน้ำแรงดันสูง ซึ่งมีการผสมสารเคมีเข้าใส่ผู้ชุมนุม โดยเฉพาะการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ต.ค.63 ที่แยกปทุมวัน ซึ่ง กสม. เห็นว่ายังไม่ปรากฏลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรง จนถึงขั้นต้องใช้มาตรการสลายการชุมนุม การฉีดน้ำผสมสารเคมีจึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ

อย่างไรก็ดีในภาพรวม รัฐยังคงทำหน้าที่ดูแลการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบของประชาชนโดยไม่ได้แทรกแซงการใช้เสรีภาดังกล่าว แม้ในบางกรณีผู้จัดการชุมนุมไม่ได้แจ้งการชุมนุม ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 แต่การชุมนุมยังคงดำเนินต่อไปได้ ทั้งนี้ในส่วนของการกระทำผิดระหว่างการชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ชุมนุมและออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากสอบปากคำผู้ชุมนุมจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างดำเนินคดี ซึ่งสอดคล้องกับพันธกรณีของไทยตามกติกา ICCPR แต่พบปัญหาอุปสรรคการจำกัดการแสดงความคิดเห็น และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยพบว่าเดือนก.ค.-ธ.ค. 2563 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นจำนวน 50 คำสั่งศาล 1,145 URLs ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ

นอกจากนั้นการใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความแตกต่างทางความคิดเห็น การใช้วาจาสร้างความเกลียดชังต่อฝ่ายที่มีความเห็นตรงข้ามปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงภาพวาดการ์ตูนล้อเลียน ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ ทั้งนี้อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง และอาจลุกลามบานปลายได้ โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์มีผู้นำเนื้อหาที่มีระดับความรุนแรงและลักษณะการสื่อสารความเกลียดชังไปเผยแพร่ในวงกว้าง อาจทำลายวัฒนธรรมแห่งการเคารพซึ่งกันและกันคุกคามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นำไปสู่การทำลายบรรยากาศแห่งการใช้เสรีภาพในการแสดงออกของบุคคล รวมทั้งกรณีการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ผ่านมาหลายครั้งผู้ชุมนุมนัดรวมตัวที่สถานีรถไฟฟ้าส่งผลให้มีการปิดสถานีรถไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน และพบว่ามีการทำลายทรัพย์สินเสียหาย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img