วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกHighlight“วุฒิสภา”ไฟเขียวร่างก.ม.สมรสเท่าเทียม คุ้มครอง“จนท.”ไม่รับจดที่ขัดหลักศาสนา
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“วุฒิสภา”ไฟเขียวร่างก.ม.สมรสเท่าเทียม คุ้มครอง“จนท.”ไม่รับจดที่ขัดหลักศาสนา

“วุฒิฯ” ไฟเขียวร่างกม.สมรสเท่าเทียม สว.ชงมาตรการคุ้มครองจนท.ไม่รับจดทะเบียนที่ขัดหลักศาสนา พร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ หวั่นปรับร่างกฎหมายไม่ทัน ให้ทบทวนกรอบบังคับใช้กม.

วันที่ 2 เม.ย.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ…หรือ สมรสเท่าเทียม วาระแรก ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 136 กำหนดให้วุฒิสภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วันนับตั้งแต่ที่สภาฯเห็นชอบเมื่อ 29 มี.ค.

ทั้งนี้ก่อนการพิจารณา ตัวแทนของสว. ได้รายงานของคณะกรรมการที่ศึกษาไว้ล่วงหน้าจากกรรมาธิการคณะต่างๆ เช่น กรรมาธิการการกฎหมาย, กรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน อาทิ นายปัญญา งานเลิศ สว. ฐานะประธานกรรมการศึกษาเนื้อหา ร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ซึ่งได้ศึกษาไว้ล่วงหน้า แถลงรายละเอียดว่า ในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมการปกครอง รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียด ซึ่งกำหนดกรอบระยะไว้ ทั้งนี้ในรายละเอียดจำเป็นต้องแก้ไขพ.ร.บ.ครอบครัว ที่ต้องใช้เวลา และเสนอต่อสภาฯ หากขยายเวลาได้จะมีความรอบคอบมากขึ้น

นายปัญญา กล่าวด้วยว่าการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว อาจกระทบต่อผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และอิสลามที่ยึดปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนา ดังนั้นควรกำหนดหลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องรับหน้าที่จดทะเบียนสมรสบุคคลเพศเดียวกัน ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามหลักศาสนาและชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่รับจดทะเบียนเพศเดียวกันถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ขณะที่ น.ส.ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม สว. ฐานะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ กล่าวว่า ในรายละเอียดพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับ กฎหมายอื่นๆ อีก 47 ฉบับ ดังนั้นหากร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมกำหนดให้แก้ไขโดยอัตโนมัติ อาจทำให้ไม่ครบคลุม ไม่สอดคล้องกับเจตนารมของกฎหมายอื่นๆ เช่น ในพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 102 กำหนดให้ผู้มีตำแหน่งต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน รวมถึงของคู่สมรส ที่ตามกฎหมายป.ป.ช. หมายถึงผู้อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา สถานะครอบครัว ขณะเดียวกันการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีระยะเวลาใช้บังคับกฎหมายไว้180 วัน กรรมาธิการมองว่าหากทอดเวลาอีกระยะจะทำการพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ละเอียดรอบคอบ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของ สว.นั้น เห็นด้วยในหลักการ และมีข้อเสนอให้ กรรมาธิการ พิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม เช่น การเยียวยาผู้เสียสิทธิที่จะมี การคุ้มครองบุคคลที่ยึดถือตามหลักศาสนา รวมถึงคำนึงถึงค่านิยม สังคมยอมรับได้ เพื่อให้ร่างกฎหมายมีความยั่งยืน นอกจากนั้นมีข้อเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหา เช่น ปรับอายุของบุคคลที่จะสมรส จาก 18 ปี เป็น 20 ปี เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของสว. ยังแสดงความกังวลต่อการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องภายใน 180 วัน ในร่างมาตรา 68 ที่กำหนดให้หน่วยงานทบทวนร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ภายใน 180 วัน ซึ่งกังวลว่าอาจจะเป็นระเบิดเวลาและทำให้มีปัญหาเพราะไม่ใช่เกี่ยวกับชายและหญิงเท่านั้นแต่หมายถึงการสมรส นอกจากนั้นในสิทธิรับบุตรบุญธรรม ที่ต้องคำนึงถึงวุฒิภาวะ ไม่ใช่บุคคลเพศเดียวกันที่สมรสกันในอายุ 18 ปีแล้วมีสิทธิรับบุตรบุญธรรมได้ รวมถึงการอุ้มบุญที่ควรพิจารณาให้รอบคอบ

หลังจาก ที่สว. อภิปรายแล้วเสร็จ ได้ลงมติ พบว่า เห็นด้วย 147 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง7 เสียง จากนั้นได้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา ซึ่งประกอบด้วยสัดส่วนของ สว. ครม. และ ภาคประชาชน ทั้งนี้มีรายงานว่าการพิจารณาวาระสองของ วุฒิสภานั้น จะเกิดขึ้นในการประชุมสมัยหน้า ในเดือนกรกฏาคม

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img