“ซินแสเข่ง” ผ่าดวงเมืองพ.ค.-มิ.ย. เตือน “รัฐบาลลุงตู่” ต้องเตรียมพร้อมรับมือจาก “พวกยุแหย่ยืมมือเด็ก” ป่วนเมือง หวังล้มรัฐบาล เผยดวง “รุ้ง-เพนกวิน-แอมมี่” เข้าตำรา “เสือสองตัว-หนึ่งมังกร” ไม่ยอมคน-มีแรงอาฆาต อาจเป็นชนวนก่อเหตุซ้ำ ด้าน “เพนกวิน” กร้าว ประกาศปฏิรูปสถาบันต่อ-พร้อมเข้าร่วมทุกกิจกรรม
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 “ซินแสเข่ง” อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย วิเคราะห์เจาะลึกผ่าดวงเมืองว่า ช่วงนี้เป็นวิกฤตแห่งการปะทะของดวงเมือง และราศีในเดือนพ.ค.-มิ.ย. 64 นี้ ดาวเสาร์ทับดวงเมืองดาวอุบาทว์ อันมีผลจากการปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำราษฎร ทั้ง “รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” และเพื่อนคู่ใจอย่าง “เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์” และ “แอมมี่ The Bottom Blues-ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์” ซึ่งเป็นนักกิจกรรม และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งนี้หากหยุดการเคลื่อนไหวไม่ได้ อาจเพราะมีแรงอาฆาต หรือแรงยุแหย่จากกลุ่มผู้ไม่หวังดี หรือฝ่ายตรงข้ามที่จ้องล้มล้างรัฐบาล เพื่อให้ทำผิดเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาล ก็จะเกิดเหตุความรุนแรงในช่วเดือนแห่งการปะทะ “พฤษภาเดือด” ได้
“ทั้งราศีดาวเสาร์ปะทะดวงเมือง ปะทะดวงชะตา ทั้ง รุ้ง-ปนัสยา และเพนกวิน ตลอดจนกลุ่มที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ก็ต้องจับตาบ้านเมืองว่าจะไปในทิศทางไหน เพราะ ‘เสือสองตัว’ กับอีก ‘หนึ่งมังกร’ ตกดวงไม่ยอมคน อาจเป็นชนวนก่อเหตุซ้ำ มีความอาฆาตพยาบาท เชื่อว่าหยุดไม่ได้ และอาจเจอเหตุรุนแรง อีกทั้งดวงชะตาตกรอบอายุ เข้าเกณท์เบญจเพศ ตกดวงแตกแยกเป็นศัตรู ก่อให้เกิดการแตกแยก พลัดพราก หรือตายจาก จึงมีสองเส้นทางให้เลือกคือ ‘นิ่งสงบจบแล้วเตรียมหนี’ หรือ ‘หวังสู้ต่อก็มีแต่ความล่มสลาย’ แต่ด้วยความไม่ยอมคน เป็นเรื่องลำบากที่ ‘สองเสือ’ จะยอมถอย เหตุนี้จึงต้อง เตือนภัยรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือ อีกทั้งมีแรงยุแหย่เพื่อยืมมือเด็กจากฝ่ายตรงกันข้าม เพื่อก่อความแตกแยก ขัดแย้ง สับสนวุ่นวายให้เกิดขึ้น เพื่อล้มล้างรัฐบาล” ซินแสเข่ง กล่าว
ซินแสเข่ง สรุปว่า ช่วงเดือนนี้มีผลกระทบต่อดวงเมือง และดวงคนที่มีผลปะทะ จึงต้องรู้จักควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง และควบคุมอารมณ์บุคคลที่อยู่ในระหว่างประกันตัว ไม่สร้างปัญหาก่อเหตุ และซ้ำรอย ทั้งเรื่องก้าวล่วง ม.112 และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาทุกอย่างก็จะจบ แต่ถ้ากลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ยุติ หวังสร้างความรุนแรง บ้านเมืองก็ยังวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ได้ซึ่งอำนาจของผู้ที่เสียผลประโยชน์ และผู้หวังล้มรัฐบาล ตลอดจนถึงขบวนการแก้กฏหมาย เพื่อให้คนผิดหนีคดีได้กลับประเทศอย่างอิสระ ความสงบจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำกลุ่มราษฎร ซึ่งได้รับการประกันตัวชั่วคราวเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ” ระบุตอนหนึ่งว่า “ในส่วนของเงื่อนไขนั้น ผมเห็นว่าไม่ได้ขัดข้องอะไรต่อการเคลื่อนไหว เพราะเงื่อนไขข้อที่ว่าห้ามมิให้สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์นั้น ผมก็ไม่เห็นว่าผมจะสร้างความเสื่อมเสียอะไรให้สถาบันกษัตริย์ เพราะผมไม่คิดว่าสถาบันกษัตริย์จะเสื่อมเสียลงเพียงเพราะการที่ประชาชนพูดความจริง เช่นเดียวกับเรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 ทวงคืนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (เช่น หุ้น SCB) ยกเลิกกองกำลังส่วนพระองค์ เหล่านี้ผมไม่เห็นว่าจะสร้างความเสื่อมเสียให้สถาบันกษัตริย์ได้อย่างไร หากจะมองว่าการเรียกร้องให้กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ก็คงจะต้องถามกันต่อว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข หรือปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กันแน่ ดังนั้นแล้ว สำหรับผม การต่อสู้เพื่อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จะดำเนินต่อไป
สำหรับเงื่อนไขเรื่องห้ามเข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองนั้น ผมยืนยันว่าตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา ผมยึดมั่นในหลักการไม่ใช้ความรุนแรง การชุมนุมที่ผมเข้าร่วม หรือได้มีส่วนร่วมจัดนั้นล้วนแต่เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธทั้งสิ้น เท่าที่เห็นก็มีแต่จะไม่สงบบ้าง เพราะถูกเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุมฝ่ายรัฐ และผู้ไม่ประสงค์ดีมาใช้กำลังเพียงเท่านั้น ดังนั้น ผมจึงเห็นว่าเงื่อนไขข้อนี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการต่อสู้ของผมเช่นกัน และผมพร้อมที่จะเข้าร่วมทุกกิจกรรมหลังจากที่วิกฤติการณ์โรคระบาดระลอกนี้ (ซึ่งเกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว”
