“ชินวรณ์” ติง “หมอชลน่าน” เปิดภิปรายยังสวมบท “ดาวสภาฯ” แนะ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ต้องเข้มซักปมความเสียหาย-แนะนำรัฐบาล ชม “บิ๊กตู่” แจงชัดเจนดีมากให้ 90 คะแนน จับตาวาทะเด็ด “ไม่โกง” จุดเปลี่ยนสำคัญ พอใจฝ่ายค้านร่วมมือดี
วันที่ 18 ก.พ.65 ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า การอภิปรายของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ยังอภิปรายในบทบาทของดาวสภาฯ ซึ่งในบทบาทผู้นำฝ่ายค้านควรจะพูดถึงความเสียหายในการบริหารงานของรัฐบาลเพื่อซักถามหรือเสนอแนะคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่ประเด็นค่อนข้างจะครอบคลุมทั้งหมด ส่วนการชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมทำได้ดีมาก มีการเตรียมข้อมูลและควบคุมประเด็นอย่างชัดเจน ถ้าประเมินแล้วได้ร้อยละ 90 และในการอภิปรายรอบนี้ยังแฝงวาทะเด็ดที่มีความสำคัญจะต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต ซึ่งนายกฯบอกว่าไม่มีทางทุจริตเด็ดขาด ตรงนี้ถือเป็นจุดชี้อนาคตที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังมีวาทะที่พูดถึงกันมากคือการเมืองไม่ใช่รามเกียรติ์ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องแผลงศรอะไร แต่เป็นเรื่องที่ทำให้เห็นภาพตัวละครในการทำหน้าที่ในการรักษาระบอบประชาธิปไตย โดยยึดประชาชนเป็นเป้าหมายหลัก
นายชินวรณ์ กล่าวว่า ส่วนรัฐมนตรีตอบได้เป็นที่พอใจ ทั้งนี้เข้าใจว่าบรรยากาศในวันที่ 2 จะร้อนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะว่าเป็นการอภิปรายถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว และการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งตนมั่นใจว่ารัฐมนตรีสามารถชี้แจงได้ในทุกประเด็น ส่วนเวลาพรรคร่วมรัฐบาลจะให้รัฐมนตรีได้ชี้แจงอย่างเต็มที่
“ผมขอชื่นชมฝ่ายค้านที่ได้ร่วมมือ และเคารพกติกาที่ได้ตกลงกันทำให้การอภิปรายในครั้งนี้เป็นบรรยากาศที่ดีมาก คาดว่าเราจะได้รับความร่วมมือกันต่อไป โดยเฉพาะในการประชุมสภาฯวันที่ 23 ก.พ. เพื่อพิจารณาญัตติที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วทั้งหมด 7 ญัตติ และมีกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ จะทำอย่างไรให้กฎหมายดังกล่าวผ่านสภาฯในวาระรับหลักการไปก่อน”นายชินวรณ์ กล่าว
นายชินวรณ ์ กล่าวว่า ส่วนการประร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งและพรรคการเมืองนั้น ในช่วงบ่ายวันนี้ประธานสภาฯจะนัดประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อกำหนดแบ่งเวลาว่าจะพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ แต่ส่วนตัวตนคิดว่าร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งจะใช้ร่างครม.เป็นร่างหลัก ส่วนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองจะใช้ร่างของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นร่างหลัก และใช้คณะกรรมาธิการชุดเดียวกัน 49 คน เพื่อพิจารณาร่วมกันต่อไป แต่ยังมีบางประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน แต่เชื่อว่ายังมีเวลาหารือในชั้นกมธ.จึงเชื่อว่าการพิจารณากฎหมายในสัปดาห์หน้าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
