วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
หน้าแรกNEWS“ศิธา”ลั่นพร้อมเป็นผู้ว่าคนแรก ที่จะคืนอำนาจให้คนกรุงเทพฯ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ศิธา”ลั่นพร้อมเป็นผู้ว่าคนแรก ที่จะคืนอำนาจให้คนกรุงเทพฯ

“ศิธา” ชูนโยบายคืนอำนาจให้คนกรุงเทพฯ ได้ร่วมจัดงบประมาณกทม. ผ่าน “สภาชุมชน” พร้อมอำนาจในการตรวจสอบงบประมาณและการทำงานของกทม. ด้วยระบบ Blockchain “D.A.O”

เมื่อวันที่ 7 เม.ย.65 ที่พรรคไทยสร้างไทย โดยน.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกทม.หมายเลข 11 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค พร้อมด้วยดร.รัตติกาล แก้วเกิดมี ผู้สมัครส.ก.เขตสายไหมหมายเลข 4 และนายวิกรม ธรรมวัฒนะ ผู้สมัครส.ก.เขตบางเขน หมายเลข 4 จัดเสวนาเปิดนโยบาย “สภาชุมชน”  (PEOPLE COUNCIL) ณ แขวงคลองถนน เขตสายไหม โดยมีผู้นำชุมชน และประชาชน จากเขตบางเขนและสายไหม ให้ความสนใจร่วมหารือกันเป็นจำนวนมาก

น.ต.ศิธา กล่าวว่า “ผมจะเป็นผู้ว่าฯ คนแรกที่จะกระจายอำนาจการจัดการงบประมาณกทม.ให้กับคนกรุงเทพฯ ผ่าน #สภาชุมชน โดยการออกเป็นระเบียบกรุงเทพมหานคร” เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านสภาชุมชน (Empower People With People Council) และปลดปล่อยประชาชนจากพันธนาการ “รัฐราชการอำนาจนิยม”

เป็นประชาธิปไตยทางตรง ที่ชุมชนสามารถร่วมจัดงบประมาณของกทม. เพื่อไปแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านหรือชุมชนของตนเองได้ จัดการตัวเองได้ เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดตามความต้องการของประชาชน ดังนั้นสภาชุมชนจึงเป็นพื้นที่ของชาวบ้านที่มารวมตัวกัน เพื่อ “ร่วมกันคิด ร่วมกันสร้างทางออก” เพื่อให้ชุมชนสามารถจัดการตัวเอง ทำงานร่วมกับกทม. สะท้อนภาพประชาชนคือหุ้นส่วนในการบริหารจัดการกรุงเทพ

รวมทั้งสามารถติดตามการบริหารงานต่างๆ โดย กทม.ต้องจัดสรรงบประมาณให้แต่ละชุมชน โดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ตรวจสอบงบประมาณ ผ่านระบบบล็อกเชน Decentralized Autonomous Organization (D.A.O) ที่จะเป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างชุมชนกับผู้ว่าฯรับรู้ปัญหาได้โดยตรงจากชุมชน และสามารถหาแนวทางและแก้ไขได้ทันที และให้ประชาชนมีอำนาจในการแสดงความคิดเห็นและโหวตให้กับโครงการต่างๆของกรุงเทพฯ เพื่อให้เกิดนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน รวมทั้งการตั้งงบประมาณตอบแทนให้กับคณะกรรมการสภาชุมชน

“เดิมการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ เป็นการใช้กรรไกรข้างเดียวในการจัดการปัญหา อาจเปรียบมีดอีโต้ในการฟันปัญหาต่างๆ เวลาจะออกนโยบายก็ใช้ค้อนทุบให้ชาวบ้านไปปฏิบัติตาม แต่สำหรับแนวคิด”สภาชุมชน” เราต้องการให้เป็นกรรไกรที่มีความคมทั้งด้านบน และด้านล่าง เพื่อสามารถจัดการปัญหาได้ ซึ่งนโยบายสภาชุมชน จะมี 2 ระดับคือแนวราบ และแนวดิ่ง คือแนวราบนโยบายจะมาจากประชาชนผ่านการรวมตัวกัน เป็นสภาชุมชน และแนวดิ่งมาจาก Comunity Online เพื่อให้จิตอาสาที่มีความเชี่ยวชาญในประเด็นต่างๆได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา”

น.ต.ศิธา กล่าวเพิ่มเติมว่าระบบ D.A.O มีการบันทึกทุกรายละเอียดข้อเสนอ และข้อร้องเรียนต่างๆ จะถูกบันทึกและจัดเก็บในห่วงโซ่บล็อกเชน (Blockchain) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและรับประกันความปลอดภัยข้อมูล ด้วยวิทยาการเข้ารหัสลับประชาชนจะใช้แอพมือถือ เพื่อตรวจสอบ ติดตาม และประเมินการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ เพราะข้าราชการมีหน้าที่ดูแลประชาชน ซึ่งประชาชนสามารถประเมินโดยการให้คะแนนมีผลต่อการเลื่อน-ลด-ปลด-ย้าย ทำให้ประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องมาเอาใจผู้ว่าฯ หรือ ผ.อ.เขต แต่ต้องเอาใจประชาชนแทน

ทั้งนี้ ระบบ D.A.O จะทำให้ประชาชนสามารถสื่อสารกับผู้ว่าฯได้โดยตรง ทั้งการติดตามงาน และตรวจสอบได้ตลอดเวลา

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img