วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเปลี่ยนรัฐบาลใหม่...ทำไม‘หุ้นไทย’ ยังไร้เสน่ห์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เปลี่ยนรัฐบาลใหม่…ทำไม‘หุ้นไทย’ ยังไร้เสน่ห์

แม้จะผ่านการเลือกตั้งทั่วไปมาแล้วกว่า 4 เดือน รัฐบาลก็ตั้งได้แล้ว นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ก็เริ่มทำงานเดินสายออกไปประชุมต่างประเทศ แต่ ดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ทุกคนต่างพากันคาดหวังว่า หลังการเลือกตั้ง ดัชนีตลาดหุ้นราคาหุ้นน่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากหลังเลือกตั้งทุกครั้ง จะมีเม็ดเงินสะพัดเข้าสู่ระบบช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดหุ้นนั้น มีความสำคัญและผูกพันกับระบบเศรษฐกิจไทยไม่น้อย เนื่องจากเป็นแหล่งระดมทุนของภาคธุรกิจเอกชน ที่ไม่ต้องไปกู้แบงก์ เสียดอกเบี้ยอัตราสูงๆ ฉะนั้น สัญญาณที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น ย่อมสะท้อนปรากฏการณ์เศรษฐกิจและการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี การที่ตลาดหุ้นไม่ขานรับรัฐบาลใหม่ อาจมีหลายๆ ปัจจัย

ด้านหนึ่งเป็นเพราะ ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้เปราะบางกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก สะท้อนจากในไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 1.8% เท่านั้น ต่ำกว่าไตรมาสที่แล้วที่ขยายตัว 2.6% ต้องบอกว่า ปัญหาใหญ่ของตลาดหุ้นไทยคือ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยค่อนข้างต่ำ เฉลี่ยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ +2.2% ต่อปีเท่านั้น สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้น ตั้งแต่ปี 2555 จนถึง 10 ก.ค.2566 ให้ผลตอบแทนเพียง +7.5%

ยิ่งนโยบายที่รัฐบาลใหม่ผลักดันออกมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เกาไม่ถูกที่คันหรือยิงไม่ตรงเป้า เนื่องจากยังให้ความสำคัญกับการบริโภคเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งที่มีเครื่องมืออื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เช่นการลงทุน และมีเรื่องสำคัญกว่า เช่นการส่งออก ที่ตกลงต่อเนื่องหลายเดือน วิกฤตภัยแล้ง เป็นต้น

สิ่งที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลอย่างมาก เมื่อรัฐบาลยังยืนยันอย่างแข็งขันจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทั้งที่มีเสียงคัดค้านจากบรรดานักเศรษฐศาสตร์ ว่า จะได้ไม่คุ้มเสีย แม้ว่าว่านโยบายนี้ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันทีอย่างแน่นอน เพราะเป็นการฉีดเงินเข้าระบบสูงถึง 560,000 ล้านบาท ทำให้ GDP โตทันที 3% ภายใน 6 เดือนตามที่รัฐบาลอ้าง แต่ก็เป็นในระยะสั้นๆ แบบ ไฟไหม้ฟาง ไม่ต่อเนื่องไม่ยั่งยืน

การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบแจกแหลก-แจกทุกคน คนละหมื่นบาท ยิ่งทำให้นักลงทุนอดเป็นห่วงไม่ได้ เกิดความกังวลในฐานะการคลังของไทย วิตกกังวลว่า รัฐบาลอาจจะต้องกู้เงิน หรือตัดงบประมาณในส่วนอื่นๆ อาจทำให้โครงการดีๆ เสียโอกาสได้ ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็ยังไม่ดีขึ้น เป็นผลจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น อาจส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลก และสร้างแรงกดดันให้เฟดต้องปรับดอกเบี้ยขึ้นได้อีก

เหนือสิ่งใด ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยยังเกิดปัญหาขาดความเชื่อมั่น เกิดการทุจริตของผู้บริหารบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด แม้ไม่กี่บริษัทเมื่อเทียบสัดส่วนของบริษัททั้งหมด แต่สร้างความเสียหายต่อนักลงทุนเป็นวงกว้าง ทั้งผู้ถือหุ้นสามัญ หุ้นกู้ และสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อ ข้อมูลหุ้นกู้ที่มีการผิดนัดชำระหนี้ จนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2566 มีอยู่ทั้งหมด 7 บริษัท จำนวน 23 รุ่น มูลค่ากว่า 19,039.96 ล้านบาทเลยทีเดียว

นอกจากนั้น ตลาดหุ้นยังเจอโรคซ้ำกรรมซัดจาก “เงินบาทอ่อนค่า” มากที่สุดในกลุ่มเอเชีย เดือนก.ย.นี้ จนทะลุ 36 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเร็วถึงระดับ 3% เนื่องจาก นักลงทุนกังวลว่า จะมีปริมาณพันธบัตรเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก จากแผนการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจและความกังวลจากนโยบาย ลด-แลก-แจก-แถม ด้วยการประกาศลดค่าไฟฟ้าลงมาเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย ลดราคาน้ำมันดีเซลลงต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร รวมถึงนโยบายพักหนี้เกษตรกร ส่งผลให้ “เงินบาท” อ่อนค่าลงรุนแรงในทันที

เงินบาทของไทยอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยทำให้เงินทุนของนักลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทย เนื่องจากกลัวผลการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ยิ่งในห้วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน ทำให้กองทุนต่างชาติที่ลงทุนระยาวค่อยๆ หายไปจากตลาด ทุกวันนี้กองทุนต่างชาติที่มาลงทุนในหุ้นไทย เน้นลงทุนระยะสั้นๆ แทน

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ เป็นปัจจัยที่ทำนักลงทุนวิตกกังวลอย่างมาก ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยทิ้งอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันขายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 150,108 ล้านบาท

ต้องบอกว่า “นาทีทอง” ของตลาดหุ้นไทยได้ผ่านพ้นไปแล้ว และแนวโน้มจากนี้ มีแต่ความไม่แน่นอน บรรยากาศการซื้อขายที่เงียบเหงา คงต้องรอดูปีหน้าโน่น หรือต้องรอให้นักลงทุนเชื่อมั่นรัฐบาลเสียก่อน

……………………………..

คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง

โดย “ทวี มีเงิน”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img