วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSหัวหน้าปชป.คนใหม่ กับภารกิจ “กู้ซาก” พรรค
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

หัวหน้าปชป.คนใหม่ กับภารกิจ “กู้ซาก” พรรค

ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อเลือก “หัวหน้าพรรคปชป.” และ กรรมการบริหารพรรคปชป.ชุดใหม่ จะเกิดขึ้นวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่

ถึงช่วงสุดสัปดาห์นี้ คนที่มีข่าวว่าจะลงชิงหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่ มีสองชื่อ

คนแรก เปิดตัวมานานแล้ว “นราพัฒน์ แก้วทอง” อดีตส.ส.พิจิตร อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ลูกชาย “ไพฑูรย์ แก้วทอง” นักการเมืองบ้านใหญ่เมืองชาละวัน พิจิตร ในสังกัด “ซุ้มเสี่ยต่อ” ใจถึงพึ่งได้ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รักษาการหัวหน้าพรรคปชป.-อดีตรมว.เกษตรฯ

นราพัฒน์ แก้วทอง

การเลือกตั้งที่ผ่านมา “นราพัฒน์” ไม่ได้เข้ามาเป็นสส. เพราะลงสมัครระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคปชป.ในอันดับที่ 7 แต่พรรคได้โควตาส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แค่ 3 คน

อย่างไรก็ตาม การที่ “นราพัฒน์” เป็นทั้งรองหัวหน้าพรรคและลงปาร์ตี้ลิสต์อันดับต้นๆ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่ธรรมดาสำหรับที่ยืนในพรรคปชป.

ส่วน ชื่อที่สอง ถึงตอนนี้ไม่ใช่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคหลายสมัย อดีตนายกฯแล้ว แต่ข่าวว่า คือ “มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค” อดีตสส.ปาร์ตี้ลิสต์ พลังประชารัฐ ภรรยาเจ้าของธุรกิจสื่อ ที่ย้ายมาพรรคปชป.ตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา เพื่อเป็นแม่ทัพใหญ่ให้พรรคปชป. ในพื้นที่กทม.แต่แพ้ยับเยิน ที่ข่าวว่าได้แรงหนุนจากสายชวน หลีกภัย ให้เป็นคู่ชิงคนใหม่ แทนอภิสิทธิ์

มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค

คาดว่า คงเพราะ “อภิสิทธิ์” ประเมินแล้ว ด้วยข้อบังคับพรรค ที่มีอยู่ที่ให้น้ำหนักการโหวตเลือกหัวหน้าพรรค ของที่ประชุมพรรค คนที่เป็นสส.จะได้น้ำหนักในการโหวต 70 เปอร์เซ็นต์ ของคะแนน ส่วนคนไม่ได้เป็นส.ส.ได้แค่ 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้น้ำหนักของสส.ในการโหวต จะมีมากกว่าคนไม่ได้เป็นสส.เทียบคือ 26 ต่อ 1

ทำให้ “กลุ่มเฉลิมชัย” ที่มีสส.อยู่ในกลุ่ม 21 คน ส่วน “กลุ่มชวน” ที่เดิมต้องการดัน “อภิสิทธิ์” กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคปชป. ให้สู้ยังไงก็แพ้ และคงไม่ดีแน่ หาก “อภิสิทธิ์” ที่เป็นหัวหน้าพรรคมาหลายสมัยหลายปีและเป็นอดีตนายกฯ ไม่ได้รับเลือกให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งที่สเปกเหนือกว่า คู่แข่งอย่าง “นราพัฒน์” หลายเท่า

จึงมีข่าวว่า “อภิสิทธิ์” คงไม่ลงชิงหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่แล้ว แต่ก็ยังอยู่ช่วยพรรคปชป.ต่อไป

ขณะเดียวกัน “กลุ่มชวน หลีกภัย” ทั้ง “บัญญัติ บรรทัดฐาน-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์-สรรเพชญ บุญญามณี” สส.สงขลา พรรคปชป.-ที่มีแค่ 4 คน ก็รู้ดีว่า หากยังคงปล่อยให้ พรรคปชป. “ไม่มีหัว-ไม่มีหัวหน้าพรรค-ประชุมล่ม” ต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่เป็นผลดีกับพรรคปชป. เพราะก็จะเป็นจุดอ่อนให้ถูกมองว่า พรรคปชป. มีปัญหาหนัก-พรรคใกล้แตก

เห็นได้จากเวลาคนในพรรคปชป.ออกมาให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมืองอะไร แล้วพาดพิงพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่กับฝ่ายค้านด้วยกันเองอย่าง”ก้าวไกล”ก็มักจะโดนสวนกลับมาให้หน้าหงาย ตลอดว่า…

“กลับไปเลือกหัวหน้าพรรคให้ได้ก่อน ค่อยมาวิจารณ์พรรคอื่น”

ดังนั้น การประชุมใหญ่พรรคปชป.รอบนี้ 9 ธ.ค. จึงมีการมองกันว่า “กลุ่มชวน” คงไม่เคลื่อนไหว จนทำให้การประชุมล่ม ซ้ำซากเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่เป็นผลดีกับพรรคโดยรวม

ที่สำคัญ ตอนนี้มีการเพิ่มองค์ประชุมขึ้นมาใหม่ โดยให้มีการรับสมัครสมาชิกพรรคจากภาคต่างๆ 5 ภาค ภาคละสามสิบคนรวมเป็น 150 คน ที่เป็นการแก้เกมของกลุ่มเฉลิมชัย ที่จะให้ 150 คนดังกล่าวเข้ามาเป็นองค์ประชุม หากองค์ประชุมไม่ครบ 250 คน ก็ให้ 150 คนดังกล่าว เดินเข้ามาเติมให้ครบ จนทำให้องค์ประชุมครบ

ทำให้มันก็ยากแล้ว ที่จะมีการทำให้องค์ประชุมล่ม เพราะหากจะทำ เท่ากับต้องเดินเกมล็อบบี้ ทั้งโหวตเตอร์ ปกติ และโหวตเตอร์ที่มาจากกลุ่ม 150 คน ซึ่งกลุ่มเฉลิมชัยล็อกไว้แล้ว ไม่ให้เข้าห้องประชุม ซึ่งเป็นเรื่องยาก

ตรงนี้กลุ่มชวนก็รู้ดีว่า ถึงตอนนี้ยังไง 9 ธ.ค. มีโอกาสที่การประชุมจะเกิดขึ้นได้ ไม่ล่มเป็นครั้งที่ 3 และนั่นทำให้ จะสามารถเปิดประชุมเลือกหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่ได้

จึงมีกระแสข่าวว่า “กลุ่มชวน” เลยใช้วิธีก็หนุนคนจากฝ่ายตัวเอง ไปสู้กับ “นราพัฒน์” ที่ก็คือ “มาดามเดียร์” โดยชูจุดขาย “คนรุ่นใหม่-หัวหน้าพรรคผู้หญิง” และมี “คอนเน็กชั่นสื่อในคอนโทรล” ที่จะมาช่วยโปรโมตพรรคปชป.ได้ เพื่อให้โหวตเตอร์ในที่ประชุมเอาด้วย

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า กลุ่มสายชวนมีการเจรจาต่อรองกับฝ่ายสส.ในกลุ่มเฉลิมชัย ขอให้พบกันครึ่งทางคือ หัวหน้าพรรค ก็ให้เป็น “มาดามเดียร์” ส่วนเลขาธิการพรรคก็ให้มาจากสายเฉลิมชัย แต่ขอให้เป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่ “เดชอิศม์ ขาวทอง” สส.สงขลา ที่ก็อาจจะเป็น “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาธิการพรรคปชป. ก็ได้ แต่ก็ต้องมาคุยกันอีกที

ที่ก็ไม่แน่ว่า สูตรนี้ กลุ่มเฉลิมชัย อาจจะยอมก็ได้ แต่ก็อยู่ที่ “เฉลิมชัย” จะไปคุยกับ “นราพัฒน์” และ “เดชอิศม์” ให้ยอมถอยอย่างไร

โดยเฉพาะ “นายกฯชาย-เดชอิศม์” รักษาการรองหัวหน้าพรรค ที่อาวุโสและมีบารมีมากกว่า “ชัยชนะ” เช่น เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ขณะที่ “ชัยชนะ” เป็นรองเลขาธิการพรรค

หาก “นายกฯชาย” ยอม คาดว่าการคุยกันระหว่าง “กลุ่มเฉลิมชัย” กับ “กลุ่มชวน” ก่อนวันประชุม 9 ธ.ค. ก็อาจจบลงได้ด้วยดี จนทำให้ภาพการประชุมออกมา เกิดภาพการจับมือร่วมกันทำงานของกลุ่มเฉลิมชัย-กลุ่มชวน

แต่ถ้าคุยกันไม่ลงตัว ทั้ง “เดชอิศม์-นราพัฒน์” ไม่ยอมถอย รวมถึง “เฉลิมชัย” ก็เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องยอมถอย เพราะคุมเสียงโหวตเตอร์ได้แล้ว โหวตยังไงกลุ่มตัวเองก็ชนะ ถ้าไม่แตกแถวเสียก่อน ก็ยังอาจดันสูตรเดิม “นราพัฒน์” หัวหน้าพรรค “เดชอิศม์” เลขาธิการพรรค แล้วก็ให้ “มาดามเดียร์” เป็นรองหัวหน้าพรรคกทม. ส่วน “ชัยชนะ” ก็เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ไป โดยให้ “นราพัฒน์” ประกาศว่า จะขอเป็นหัวหน้าพรรคปชป.แค่ 2 ปี จากนั้นจะลาออก เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่ มานำทัพพรรคต่อไป ถ้าแบบนี้ ไม่แน่ “สายชวน” อาจยอมก็ได้

ทั้งหมดต้องรอดูช่วงใกล้ๆ 9 ธ.ค.อีกครั้ง ซึ่งสถานการณ์ยังพลิกไปพลิกมาได้

อย่างไรก็ตาม อย่างที่เห็นสภาพของพรรคปชป.เวลานี้ ที่จากเคยได้สส.ตอนเลือกตั้งปี 2562 มี 52 ที่นั่ง แต่ตอนนี้เหลือแค่ 25 ที่นั่ง ส่วนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงหลักอย่างภาคใต้-กทม. ก็มีคู่แข่งที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ภาคอื่นๆ ก็ยากจะไปเจาะเพิ่มได้

อีกทั้งที่ผ่านมา ภาพลักษณ์พรรคปชป. ก็ย่อยยับป่นปี้ จากที่เคยกล่าวอย่างภาคภูมิใจมาตลอดว่าปชป.เป็นสถาบันการเมือง แต่ที่ผ่านมา ก็อย่างที่เห็น ความเป็นสถาบันการเมืองของพรรค ที่เคยเป็นจุดแข็ง ตอนนี้ก็ขายไม่ได้แล้ว หลังคนในพรรค ฟัดกันเละ เพื่อชิงอำนาจกัน จนกลายเป็นพรรคหัวขาด ไม่มีหัวหน้าพรรค มาร่วมหกเดือนหลังเลือกตั้ง

ดังนั้น ไม่ว่าใครมาเป็นหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่ ภารกิจสำคัญอันแรกก็คือ กู้ซากที่ผุพังของพรรคปชป.ให้กระเตื้องขึ้นโดยเร็วที่สุด…นั่นเอง

………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย….“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img