วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSผ่าเกม...ไล่เจาะยาง“พิธา-พรรคก้าวไกล” “พรรคส้ม”เตรียม“แกนนำแถว 3”รองรับ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ผ่าเกม…ไล่เจาะยาง“พิธา-พรรคก้าวไกล” “พรรคส้ม”เตรียม“แกนนำแถว 3”รองรับ

เอาเป็นว่า ตอนนี้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” พรรคก้าวไกล เจอผลพวงจาก “คดีล้มล้างการปกครอง” ที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเมื่อ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าการที่สส.พรรคก้าวไกล 44 คน เสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 เข้าสภาฯสมัยที่แล้ว กับการที่นำเรื่องแก้ไข 112 ไปเป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ถือว่า “เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ”

ทำให้ตอนนี้ “พรรคก้าวไกล” โดนเอฟเฟกต์การเมือง ด้วยการถูกยื่นให้ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) เอาผิด ยื่นยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรคในช่วงเกิดเหตุ ที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” และ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ยื่นไปเมื่อ 1 ก.พ. กับการยื่นเรื่องให้เอาผิด 44 สส.ก้าวไกลสมัยที่แล้ว และยื่นกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อ 2 ก.พ. โดยมี “สนธิญา สวัสดี” น้องร้องขาประจำการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามก้าวไกล กับ “ธีรยุทธ” ด้วยการให้เอาผิดตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะฝ่าฝืนฯในข้อ 5 ที่ระบุว่า “ต้องยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และข้อ 6 “ต้องพิทักษ์ไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์”

กระบวนการต่อจากนี้ “กกต.-ป.ป.ช.” คงต้องใช้เวลาสักระยะ เพื่อตั้งหลักว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แต่ก็คาดว่าในชั้นกกต. น่าจะใช้เวลาเร็วกว่าป.ป.ช. ในการที่จะหาข้อสรุปมติอย่างเป็นทางการว่า จะ “เด็ดหัว” ตัว “พิธา-พรรคก้าวไกล” ด้วยการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์การเมืองกรรมการบริหารพรรคตามมาตรา 92(1) ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯหรือไม่ ซึ่งหากป.ป.ช.เห็นว่าทำผิดจริง ก็ต้องส่งเรื่องให้ศาลฎีกาฯดำเนินการต่อไป

จึงทำให้ช่วงนี้ “พรรคก้าวไกล” ยังพอมีเวลาพักหายใจหายคอ ได้เตรียมตั้งหลักสู้คดีกันต่อไป พร้อมกับคงต้องมีการคิด “วางแผนสำรองทางการเมือง” ไว้ได้แล้ว หากพรรคก้าวไกลไม่รอด

เพราะรอบนี้ ต้องถือว่าหนักกว่า ตอนมีการ “ยุบพรรคอนาคตใหม่” ในคดีเงินกู้ 191 ล้านบาทเสียอีก เพราะรอบนั้น ยังแค่โดนยุบพรรค-ตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี แต่รอบนี้ เล่นขยายผลไปถึงเอาผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ ที่ “ดาบนี้รุนแรงยิ่งนัก”

เห็นได้จากศาลฎีกาฯ เคยพิพากษาประการชีวิตทางการเมือง “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” มาแล้ว ในความผิดฐาน ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบันฯ โดยให้ถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไปและไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง

แม้ดูแล้ว “พิธา-กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล-สส.44 คนของก้าวไกล” ที่ถูกยื่นเอาผิด ซึ่งบางคนตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นสส.แล้ว และพรรคก้าวไกลยังมีโอกาสชนะคดีอยู่ ยังไม่แน่เสมอไปว่าจะไม่รอด โดยเฉพาะกรณีร้องเอาผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ ซึ่งศาลฎีกาฯคงต้องดูด้วยว่า ทั้งหมดมีเจตนาที่จะไม่ยึดมั่นและไม่ธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีเจตนาจะไม่พิทักษ์ไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

เพราะไม่แน่ การพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ ที่เป็นศาลยุติธรรม ซึ่งมองเรื่อง “เจตนา” เป็นสำคัญ อาจเห็นและตัดสินคดี ที่ไม่เหมือนกับศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นไปได้พอสมควร

แต่ที่หลายคนดูแล้ว โอกาสรอดยากก็คือ ความผิดตามมาตรา 92 (1) ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ที่บัญญัติไว้ว่า….

“เมื่อคณะกรรมการการเมือง มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทำการ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง”

และวรรคท้ายที่ว่า “เมื่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทำการ ตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น”

คาดได้ว่า ยังไง “กกต.” น่าจะส่งคำร้องไปที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” แน่นอน และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยโดยละเอียดไปแล้วว่า พรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ

ดังนั้น โอกาสที่ “คดีพลิก” ก็น่าจะยาก แม้อาจจะเป็นไปได้ เพราะกรณีนี้จะเป็นการพิจารณาตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ แต่ที่ศาลตัดสินเมื่อ 31 ม.ค.เป็นการตัดสินตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ที่เป็นคนละส่วนกัน แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน โดยลงรายละเอียดไว้ขนาดนั้น ถึงพฤติการณ์ของก้าวไกลหลายๆ อย่าง แล้วจะบอกว่า ไม่ต้องยุบพรรค เพราะไม่มีพฤติการณ์ล้มล้าง มันก็น่าจะดูแปลกๆ ที่จะมีคำวินิจฉัยสองคดี แตกต่างกัน

พูดง่ายๆ “ก้าวไกล” ยังมีโอกาสได้ลุ้นอยู่ แต่ดูค่อนข้างริบหรี่!

ดังนั้นตอนนี้ “พิธา-ก้าวไกล” นอกจากต้องเตรียมสู้คดี ทั้งในชั้น “กกต.-ป.ป.ช.-ศาลรัฐธรรมนูญ” แล้ว ก็คงต้องเตรียม “แผนสำรอง” ทั้ง “พรรคใหม่” และ “ตัวผู้นำพรรคแถว 3” ที่จะขึ้นมา ต่อจาก “อนาคตใหม่-ก้าวไกล”

ที่ก็คือ คนที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคในช่วงเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 และตอนหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงไม่ได้เป็นสส.ในสภาฯสมัยที่แล้วที่ร่วมลงชื่อ 44 คนเสนอแก้ 112 จะขึ้นมาเป็น “แกนนำพรรคแถว 3” ที่ก็มีอยู่หลายคนพอสมควร ที่เด่นๆ ก็เช่น “ไอติม-พริษฐ์ วชิรสินธุ” สส.ปาร์ตี้ลิสต์ โฆษกพรรคก้าวไกลคนปัจจุบัน หลานอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ เป็นต้น

……………………………………..

คอลัมน์ : ส่องป้อยค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img