“วีรชน” ทางการเมืองนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจนมาถึงยุคนี้ ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นจำนวนมาก เปรียบเหมือนวีรชนเดินชนไหล่กันเต็มประเทศ
พลังของวีรชนเหล่านี้ ยังไม่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเปลี่ยนโฉมประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
เพราะแต่ละยุคแต่ละฝ่าย ต่างเขียนประวัติศาสตร์ของตัวเอง ไม่เป็นความทรงจำร่วมของสังคม และบุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังเจอ “บ่วงกฎหมายรัดคอ”
เฉพาะยุคเสื้อเหลือง-เสื้อแดง วีรชนระดับแกนนำถูกคดีตามมาเป็นห่างว่าว ติดคุกติดตาราง ยังไม่นับคดีแพ่งไล่ตามมาหลอนเป็นระลอกคลื่น
ล่าสุด แกนนำกปปส.ประกอบด้วย “ชุมพล จุลใส-อิสสระ สมชัย-ถาวร เสนเนียม-พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” หลัง “ต้องคำพิพากษาให้จำคุก” และ “ถูกคุมขังโดยหมายศาลอาญา” ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกสภาพส.ส.สิ้นสุดลง นับแต่ 7 เม.ย.64 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องให้วินิจฉัย
ปิดฉากชีวิตทางการเมืองทันที พรรคต้นสังกัดอย่าง “ประชาธิปัตย์” ต้องเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมที่จ.ชุมพรและจ.สงขลา แทน “ชุมพล จุลใส-ถาวร เสนเนียม” ภายใน 45 วัน นับจากวันที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้พ้นสมาชิกภาพส.ส.
ขณะส.ส.บัญชีรายชื่อที่ว่างลง พรรคประชาธิปัตย์ก็ขยับลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อขึ้นมาแทน “อิสสระ สมชัย” และพรรคพลังประชารัฐ ขยับลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อขึ้นมาแทน “พุทธิพงษ์ ปุญณกันต์-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ”
มาถึงขั้นนี้ทุกคนเคารพและยอมรับประกาศิตของศาลรัฐธรรมนูญ แม้มีการยกรัฐธรรมนูญ มาตรา125 ระบุว่า “เปิดโอกาสให้ศาลพิจารณาในคดีสมัยการประชุมสภาได้ แต่จะไปขัดขวางการทำหน้าที่การประชุมสภาของสมาชิกไม่ได้”
ศาลรัฐธรรมนูญเขียนคำวินิจฉัยเอาไว้ว่า เมื่อพิพากษาแล้ว ไม่ใช่กระบวนการพิจารณา เพราะฉะนั้นมาตรานี้ มาบังคับใช้ไม่ได้
“การใช้ดุลยพินิจให้ประกันตัวส่งไปยังศาลอุทธรณ์ ขอถามว่า ไม่ใช่กระบวนการพิจารณาโดยใช้ดุลพินิจของศาลหรือ??” ถาวร เสนเนียม “เอาปากกามาวง” มุมที่เห็นต่างเชิงกฎหมาย
เพราะเมื่อเกิดแนวทางเช่นนี้ ย่อมเปิดประตูแห่งอนาคตให้ใช้อำนาจกลั่นแกล้งทางการเมือง เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง โดยฝ่ายถืออำนาจรัฐชอบลุแก่อำนาจ จัดการกับพวกปฏิปักษ์ทางการเมืองหรือฝ่ายค้านให้อ่อนแอ
“ฝ่ายรัฐบาลถืออำนาจจับกุมส.ส.ฝ่ายค้าน 20 คน ขังคุก 1 นาที ส.ส.เหล่านั้นย่อมขาดการเป็นสมาชิกภาพส.ส. ไม่สามารถประชุมสภาเพื่อลงมติได้” ถาวร เสนเนียม “เอาปากกามาวง” ให้เห็นเผด็จการรัฐสภากำลังเกิดขึ้นในอนาคต
พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นอีก “บ่วงกฎหมายรัดคอ” เขย่าสนามการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายค้านควรระวังตัวแจเป็นพิเศษ หากเจอดี “ต้องคำพิพากษาให้จำคุก” และ “ถูกคุมขังโดยหมายศาลอาญา” ไม่ต้องรอ “ให้คำพิพากษาถึงที่สุด” ย่อมเข้าข่ายถูกปลดกลางอากาศพ้นจากสมาชิกภาพ
ฟันธง…ซุปเปอร์วิกฤติการเมืองและเผด็จการรัฐสภา จะตามมาหลอนประเทศไทยอีกรอบชัวร์
…………………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
