วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกHighlightสศค.โต้''เจ๊หน่อย''ไม่เหลียวแล SMEs
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สศค.โต้”เจ๊หน่อย”ไม่เหลียวแล SMEs

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ชี้แจงประเด็นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดูแล SMEs โดยย้ำว่ารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ SMEs  และพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลเศรษฐกิจไทยได้อย่างทันการณ์ต่อไป

สาระสำคัญ : ชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดูแล SMEs จากการแชร์ข้อมูลของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในสื่อโซเชียลมีเดีย

1) เนื่องด้วยมีข้อเสนอแนะจากหลายภาคส่วน ให้รัฐบาลช่วยเหลือ SMEs ที่ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในปัจจุบัน เช่น Soft Loan 500,000 ล้านบาท ของ ธปท. SMEs กว่า 90% เข้าไม่ถึง และขอให้รัฐบาลเร่งดูแลธุรกิจ SMEs อาทิ การพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 ปี ปรับมาตรการให้ SMEs ที่อยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์สามารถกู้เงินมาเสริมสภาพคล่องได้จริง ตั้งกองทุน SMEs เพื่อให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์

2) เห็นควรใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์แนวทาง/มาตรการ และผลการดำเนินการช่วยเหลือ SMEs เพื่อเสริมสร้างการรับรู้ต่อประชาชน

ข้อเท็จจริง :

• ปัจจุบันรัฐบาลได้มีมาตรการด้านการเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs ดังนี้

1. พ.ร.ก. Soft Loan ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยแบ่งการให้ความช่วยเหลือได้ ดังนี้

1) มาตรการสินเชื่อเพิ่มเติม วงเงินรวม 500,000 ล้านบาท โดย ธปท. ให้สถาบันการเงินกู้ยืมในอัตรา0.01% ต่อปี เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้แก่ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 500 ล้านบาท วงเงินไม่เกิน 20% ของยอดสินเชื่อคงค้างของลูกหนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี โดย SMEs ไม่ต้องชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก

2) พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้กับ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค. 62 เพื่อให้ SMEs ไม่ต้องมีภาระในการชำระหนี้แก่สถาบันการเงินเป็นระยะเวลา 6 เดือน

2. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS Soft Loan พลัส วงเงินค้ำประกัน 57,000 ล้านบาท โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้กับ SMEs ที่มีคุณสมบัติตาม พ.ร.ก. Soft Loan คิดอัตราค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกัน 8 ปี โดยเริ่มค้ำประกันและเก็บค่าธรรมเนียมในต้นปีที่ 3 นับจากวันที่ได้รับสินเชื่อตาม พ.ร.ก. Soft Loan เพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อให้ SMEs เพิ่มขึ้น และสามารถปล่อยสินเชื่อในแก่ SMEs ได้ยาวขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัวในการอนุมัติสินเชื่อ และให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อตาม พ.ร.ก. Soft Loan ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ

[ ถ่ายทอดสด ] LIVE ชี้แจงประเด็น : ข้อเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือ SMEs โดย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง

Posted by สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง : Fiscal Policy Office on Tuesday, October 6, 2020

• รัฐบาลยังได้ดำเนินมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ SMEs ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ดังนี้

1. ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็น SMEs ทั่วไปและ SMEs ในธุรกิจท่องเที่ยวกลุ่มละ 10,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน ดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี และสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อต่อให้ SMEs วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย ดอกเบี้ยร้อยละ 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี โดยธนาคารออมสินจะปล่อยสินเชื่อให้ SMEs โดยตรงจำนวน 3,000 ล้านบาท และยังมีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SMEs ขนาดเล็กในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี

2. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ดำเนินโครงการสินเชื่อ Extra Cash วงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับ SMEs ขนาดย่อมทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้ 5 ปี

3. บสย. ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 8 วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้กับ SMEs ทั่วไป วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย ในอัตราค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ค้ำประกัน 10 ปี

4. รัฐบาลยังมีโครงการช่วยเหลือ SMEs รายย่อย ผ่านกองทุน สสว. โดยให้สินเชื่อแก่ SMEs ทั่วไป รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง วงเงินต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1% ต่อปี ระยะเวลากู้ 7 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี

• นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ร่วมกับสมาคมสถาบันการเงินของรัฐจัดทำเว็บไซต์ www. เราไม่ทิ้งกัน-ด้านการเงิน .com และ ธปท. ได้จัดทำเว็บไซต์ www. bot.or.th /covid19 เพื่อรวบรวมมาตรการด้านการเงินของสถาบันการเงินในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลและมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยกระทรวงการคลังได้มีติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนแก้ไขปัญหาข้อติดขัดในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ และพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลเศรษฐกิจไทยได้อย่างทันการณ์ต่อไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img