วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกNEWS'ตู่'ดับเครื่องชน-ท้ารบ'เจ๊' แฉอิทธิฤทธิ์ทำ2รัฐบาลพัง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ตู่’ดับเครื่องชน-ท้ารบ’เจ๊’ แฉอิทธิฤทธิ์ทำ2รัฐบาลพัง

“ตู่-จตุพร” ดับเครื่องชน “เจ๊” แฉยับอิทธิฤทธิ์เจ๊ ทำพังมาแล้ว 2 รัฐบาล คือ “ยุคทักษิณ-ยุคยิ่งลักษณ์” ซัด “เจ๊ชอบหลบในที่มืด” เย้ยกำแพงมิตรภาพที่เชียงใหม่วันนี้พังเพราะเจ๊ ไม่สน “แดงเชียงใหม่” ขับไล่พ้น “ประธาน นปช.” ยืนยันไม่ได้ “เกี้ยเซี้ย” เพื่อให้ตัวเองรอดจากคดีความ

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ในหัวข้อ “ระบอบติ่งกับตำแหน่งประธาน นปช. ตอน 1” โดยนายจตุพร ร่ายยาวถึงคนเสื้อแดงเชียงใหม่นั่งโต๊ะป้ายสี ไล่ให้ออกจากประธาน นปช. ล้วนมีเบื้องหลังสั่งการของ “เจ๊” ซึ่งเป็นผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทย ที่ชอบเล่นการเมืองหลบอยู่ในที่มืด

“ผมและนายบุญเลิศ (บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่) ถูกขบวนการใส่ร้าย กล่าวหา ผลักใสให้ไปอยู่กับฝ่ายเผด็จการในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ล้วนเป็นอิทธิฤทธิ์ของ “เจ๊คนนี้” สั่งการ จึงขอเชิญ “เจ๊” ออกมาทำการเมืองในที่แจ้งจะดีกว่า”นายจตุพรกล่าวย้ำ

นายจตุพร อธิบายด้วยว่า “ระบอบติ่ง” เป็นความนิยมเฉพาะส่วนโดยไม่ฟังเหตุผล หากไม่พอใจก็บูลลี่ (เสียดสี ใส่ร้ายเป็นเท็จ) และในความจริงแล้ว ในติ่งนั้นยังมีอวตาร แล้วไปปฎิบัติการต่อ ตนจึงเลิกบล็อกพวกวิจารณ์เท็จ แต่ให้บูลลี่กันอย่างสบายใจ แล้วต่อไปคงฟ้องร้องดำเนินคดีให้รับผิดชอบกัน เมื่อตนเห็นต่างจากพรรคเพื่อไทยกรณีเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ เพียงแค่อ้าปากจะพูด ก็ถูกวิจารณ์อย่างขาดเหตุผลแล้ว จึงจำเป็นต้องพูดถึง “ขบวนการ นปช.” ซึ่งตำแหน่ง “ประธาน” เป็นแค่ “หัวโขน” ไม่มีเงินเดือน ตรงกันข้าม กลับมีแต่คดีถูกฟ้องร้องมากมาย

ทั้งนี้ นายจตุพร ยกคดีทางการเมืองหลายข้อหา มาโต้ตอบการถูกวิจารณ์บิดเบือนใส่ร้ายถึงการเจรจาแลกเปลี่ยนไม่ต้องถูกลงโทษว่า ในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาร์เทเวศร์ ตนถูกฟ้องในสำนวนที่ 2 ซึ่งโอกาสถูกลงโทษมีมาก ไม่แตกต่างจากการพิพากษาในสำนวนที่ 1 อีกทั้งคดีแพ่ง ยังถูกศาลฎีกาพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังถูกฟ้องให้นับโทษใหม่อีกครั้ง โดยคดีเหล่านี้ล้วนถูกดำเนินการ หลังจากที่ตนออกจากเรือนจำพิเศษมาแล้ว แต่กลุ่มคนใน “ระบอบติ่ง” ยังวิจารณ์อย่างเสียหาย ว่ามีการเจรจาแลกเปลี่ยนไม่ต้องถูกดำเนินคดีกันอีก ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ฟังเหตุผลที่ตนได้อธิบายมาเลย

“ผมยกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพื่อว่า พวกหน้าโง่ทั้งหลายที่พยายามอธิบายว่า ผมไปแลกเปลี่ยนเรื่องคดีความนั้น ผมไม่รอดแม้แต่คดีเดียว คดีพัทยา และคดีชุมนุมปี 52 ผมก็โดนเท่ากับคนอื่น ส่วนคดีก่อการร้ายก็เป็นจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นยกคำร้อง แต่อัยการยื่นอุทธรณ์ เมื่อจำเลย 3 คนอยู่ระหว่างติดคุก ไม่ได้ใช้สิทธิ์แก้อุทธรณ์ จำเลยทุกคนจึงร้องให้ตัดสินทุกคนในคราวเดียวกัน ซึ่งผมไม่ควรเอาตัวรอดคนเดียว เมื่อร่วมเป็นร่วมตายกันแล้ว ก็ควรเสมอภาคกัน” นายจตุพรกล่าวและว่า ส่วนกรณีการใส่เสื้อเหลืองเป็นจิตอาสานั้น มีใครบ้างไม่ใส่เสื้อเหลือง โดยเฉพาะครอบครัว “ชินวัตร” ทั้งตระกูล ไปเป็นจิตอาสาแสดงความจงรักภักดีหลายครั้ง พรรคเพื่อไทยทั้งพรรคและอดีตพรรคไทยรักษาชาติ รวมถึงอดีตพรรคอนาคตใหม่ ล้วนแถลงถึงการสมัครเป็นจิตอาสาแล้วใส่เสื้อเหลืองกันหมด

“แต่พวกระบอบติ่งเฮงซวย ไม่ติดใจอะไร กลับมาสนใจแค่ผมคนเดียว คนพวกนี้เอาสมองความเป็นธรรมหายไปไหนหมด ถามว่าพวกคุณมีมาตรฐานอะไร ไอ้พวกติ่งหน้าโง่ทั้งหลาย ดังนั้นปล่อยให้พวกคุณสำแดงให้เต็มที่ไป เมื่อถึงเวลา ผมจะสำแดงบ้าง” นายจตุพรกล่าวย้ำ

นายจตุพร ยังกล่าวถึงการถูกใส่ร้ายป้ายสีจุดยืนทางการเมืองว่า นปช.ต่อสู้มายาวนาน และไม่คิดว่าจะอยู่ในตำแหน่ง “ประธาน นปช.” ถึงวันนี้ เพราะตนไม่ติดยึดหัวโขน การได้อยู่กับประชาชน ทำให้ตนมีความสุขมากที่สุด เพราะสนามของตนอยู่ที่ถนน ตนจึงไม่ได้อีนังขังขอบกับตำแหน่ง นปช.ที่มีแต่คุก แต่มีประโยชน์บ้างในการประสานให้หมู่มิตรที่อยู่ในคุกเท่านั้น

ส่วนการยัดเหยียดข้อกล่าวหาที่แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประธาน นปช. เนื่องจากไปช่วยนายบุญเลิศ ลงเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ รวมทั้งกล่าวหานายบุญเลิศไปอยู่พลังประชารัฐ แต่ไม่ช่วยพรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า หากตนลาออกแล้ว ย่อมแสดงว่าไปอยู่ “พลังประชารัฐ” ตามข้อกล่าวหาทุกประการ ยังยืนยันจุดยืน พร้อมประกาศชัดเจนถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนกว่าประชาชนประกาศชัย

“ผมบอกว่าเสื้อแดง หรือเสื้อสีใดก็ตาม มันอยู่ที่เปลือก สาระสำคัญสำคัญเป็นแก่นที่เป็นจิตวิญญาณ ถ้าผมจะลง ก็ลงอย่างประชาธิปไตย ไม่ใช่มาจากบุคคล ก่อนผมจะไปเชียงใหม่ นายแก้ว (เสื้อแดงเชียงใหม่) ได้ส่งคลิปมาให้พี่หมู ว่าได้จัดเวทีปราศรัยที่อำเภอฝาง แล้วโทรศัพท์บอกพี่หมูว่า คนมาจำนวนมาก และนายบุญเลิศ กำลังแก้เกมด้วยการจ้างจตุพรไปแก้เกม ผมรู้เรื่องนี้เมื่อลงเครื่องบินที่เชียงใหม่ และได้คุยกับนายแก้วทางโทรศัพท์ และบอกว่า เป็นสิทธิของคุณที่จะช่วย ‘เพื่อไทย’ ส่วนผมนั้นเห็นว่าตระกูล ‘บูรณุปกรณ์’ เสมอต้นเสมอปลายกับแกนนำ นปช.ส่วนกลางทุกคนมาตลอดเวลา ผมเห็นว่าเขา (บุญเลิศ) ถูกกระทำและถูกจับทั้งโคตร เพราะรณรงค์ไม่รับร่าง รธน.ปี 60 ซึ่งเป็นทั้งนโยบายของ นปช.และของพรรคเพื่อไทย น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ เป็นเหมือนน้องสาวผม เมื่อเด็กชุมนุมถูกยิงแก๊สน้ำตา เธอลุกพูดในสภาว่า อีกฝ่ายหนึ่งชุมนุมก็แจกน้ำส้ม ส่วนอีกฝ่ายแจกแก๊สน้ำตา พร้อมจะอาสาเป็นคนประกันตัวเด็กมาชุมนุมที่ถูกจับด้วย คนมีทัศนคติแบบนี้หรือจะไปอยู่กับฝ่ายเผด็จการ”นายจตุพร ระบุ

นายจตุพร กล่าวว่า ตนจะยืนเคียงข้างนายบุญเลิศ เพราะเขาโดนคดีไม่รับร่าง รธน. แล้วยังถูกจับติดคุกเมื่อ 26 ก.ค. 2559 และยังถูกสั่งให้หยุดทำหน้าที่ นายก.อบจ.เชียงใหม่ 2 ปี โดยคดีที่ถูกกระทำนั้น เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เป็นคดีทุจริตมิชอบ นายแก้วจะเลือกช่วยพรรคก็ช่วยไป แต่อย่าใส่ความ กล่าวหากัน ว่าถูกจ้างมาแก้เกม ตนไปช่วยนายบุญเลิศ เพราะเลือกเอาความถูกต้อง แต่นายแก้วกลับอ้างว่า นปช.กับเพื่อไทยเป็นสองขากัน แต่การเลือกตั้งปี 2562 คนเสื้อแดงถูกแยกไปยิ่งกว่าแมงมุมเสียอีก ทั้งช่วยเพื่อชาติ อนาคตใหม่ พลังปวงชนไทย เพื่อไทย ประชาชาติ คนเสื้อแดงก็ไปช่วยอย่างมีเสรีภาพต่อกันทั้งนั้น

นายจตุพร กล่าวย้ำว่า ตนไม่เคยทำตามพรรคเพื่อไทยในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม เคยพูดในที่ประชุมพรรคว่า คนเสื้อแดงไม่ใช่ของตายของพรรคเพื่อไทย ที่จะทำอะไรก็ได้ ยิ่งช่วงออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ตนก็ค้านหัวชนฝาเช่นกัน เนื่องจากจะทำให้พังทั้งขบวนการ แล้วนำพาให้รัฐบาลไปติดกับดัก ซึ่งพรรคเพื่อไทยโกรธมาก แล้วถอดพวกตนออกจากผังรายการทีวีทั้งแผงเลย

“เพราะหลักคิดนักการเมืองกับนักต่อสู้…ย่อมมองไม่เหมือนกัน ตลอดเป็นรัฐบาลนั้น ควรสร้างประชาชนให้แข็งแรง แต่กลับถูกแบ่งแยกแล้วปกครอง ซึ่งผมไม่อีนังขังขอบอยู่แล้ว ได้แต่มองเฉยๆ เมื่อเอานักการเมืองไปจัดการมวลชนแทน มวลชนจึงไม่ได้มาชุมนุมด้วยหัวใจ การเอานักการเมืองไปจัดการแทนนั้น คงเกิดจากไม่เข้าใจ ไม่ไว้วางใจนักต่อสู้ จนทำให้มวลชนมาชุมนุมลดน้อยลง แล้วนำพาไปสู่ถูกยึดอำนาจปี 2557” นายจตุพร กล่าวและว่า บรรดาพวกติ่งทั้งหลาย ไม่ได้อยู่ในขบวนนี้อย่างเข้าใจ แต่อยู่แบบพวกรับใช้พรรคการเมือง จนนำพาไปสู่การรัฐประหารโดยไม่มีโอกาสต่อสู้อะไรเลย ยิ่งวันที่ 21-22 พ.ค. 2557 คนเหลือชุมนุมไม่ถึง 500 คน เพราะเรื่องคนนั้น มีคนรับผิดชอบจัดการมา แต่น้อยกว่าปี 2553 เป็น 10 เท่า และตนยังมีความสงสัยอยู่ถึงปัจจุบัน

“ผมจะบอกให้ว่า ยินดีจะลุกออกจากตำแหน่งประธาน นปช.ด้วย แต่ไม่ใช่มาจากคนพวกคุณมาชี้หน้าว่า มาช่วยบุญเลิศ และบุญเลิศไปช่วยพลังประชารัฐ ซึ่งวันที่พรรคเพื่อไทยทิ้งเขานั้น พรรคพลังประรัฐยังไม่ได้ตั้งเลย เมื่อผมชี้แจงก็ถูกกล่าวหาว่าโจมตีพรรคเพื่อไทย ทั้งที่คุณบอกว่าบุญเลิศจ้างผมมา เมื่อผมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น คุณก็ชักดิ้นชักงอ คุณเป็นมนุษย์พันธุ์ไหนกันแน่ ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น ผมให้คนไปถามว่า เพราะอะไรจึงนั่งแถลงข่าวกัน เขาบอกว่าผู้ใหญ่สั่ง ในลึกๆ ผมคิดถึง ‘เจ๊คนเดียว’ เพราะ ‘เจ๊ทำพัง’ มาแล้ว 2 รัฐบาล ทั้งรัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วน ‘อิทธิฤทธิ์เจ๊’ ทั้งนั้น ลองไปไล่ตรวจดูเอา“นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า วันนี้ที่เชียงใหม่ที่ทำลาย พังกำแพงมิตรภาพนั้น ก็จะ ‘พังเพราะเจ๊’ อีก ควรออกมาที่แจ้งเถิด อย่าหลบไปที่มืด ตนให้ความเคารพนายทักษิณ (ชินวัตร) อย่างไรก็เคารพอย่างนั้นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน บุญเลิศบอกผมว่า ถ้านายทักษิณ โทรมาบอกไม่ให้ลง เขาก็ไม่ลง แต่เมื่อผลักเขาออกไป แล้วยัดเหยียดเขาเป็นพลังประชารัฐ ทั้งที่ไม่ได้เป็นจริง เขาจึงไม่มีทางเลือกอย่างอื่น นอกจากสู้เพื่อหาความยุติธรรม

………………………

credit photo : FB Peace News



- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img