“อาคม’ ยันเก็บภาษีขายหุ้นไม่กระทบรายย่อย ชี้มีมูลค่าเพียง 5% ของตลาด แถมอัตราต่ำสุดในเอเชีย เตรียมนัดแถลงรายละเอียในวันนี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (2 พ.ย. 2565) กระทรวงการคลังจะเปิดแถลงข่าวรายละเอียด “ภาษีขายหุ้น” โดยภาพรวมรายละเอียดคือ แรกเริ่มตั้งแต่ปี 2535 เก็บภาษีการค้าในอัตรา 0.1% ได้ยกเว้นมาตลอด ที่ยกเว้นก็เพราะต้องการส่งเสริมตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เติบโต แต่ขณะนี้ก็เติบโตมา 28 เท่าแล้ว เพื่อเป็นความเสมอภาคในการจัดเก็บภาษี จึงเก็บภาษีขายหุ้นขาเดียว ถ้าตามกฎหมายคือ 0.1%
ทังนี้ให้เวลาปรับตัว 1 ปี ในอัตราปีแรก 0.05% บวกค่าภาษีท้องถิ่น ก็จะเป็น 0.055% ในปีต่อไปก็จะ 0.1% บวกภาษีท้องถิ่นคือ 0.11% ก็ได้เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ตอนนี้ก็ตรวจร่างกฤษฎีกา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยนั้น ถ้ากฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ก็จะมีระยะเวลาให้ปรับตัว 90 วัน
นายอาคม กล่าวว่า ได้มีข้อยกเว้น ให้กับกองทุนบำนาญต่าง ๆ เป็นกองทุนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการเกษียณอายุ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และมาร์เก็ตเมกเกอร์ ซึ่งประเด็นคือ กองทุนต่าง ๆ เป็นเรื่องของการออมเงิน เป็นการออมของสมาชิกแล้วไปลงทุนในตลาดทุนก็มีการยกเว้นให้
ส่วนมาร์เก็ตเมกเกอร์ ตอนนี้ยังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน คือเป็นผู้ที่ดูแลสภาพคล่องในตลาด ไม่ใช่นักลงทุน ซึ่งจดทะเบียนเป็นบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเพียงผู้ที่ช่วยอำนวยความสะดวก การซื้อการขาย ที่มีมาร์เก็ตเมกเกอร์ก็เพราะว่าบางทีมีหุ้นใหม่ออกมาในตลาด เขาก็ทำหน้าที่ว่ามันต้องมีสภาพคล่อง เพียงพอที่จะไปซื้อหุ้นในตลาดที่ออกมาใหม่ หรือ ณ วันสิ้นเดือน ณ วันสิ้นวันของการเทรดนั้น ต้องดูว่าสภาพคล่องกระจายหรือกระจุกตัวอย่างไร เพื่อสนับสนุนให้มีการค้า การซื้อขายหุ้นในแต่ละวัน เพื่อกระจายสภาพคล่องออกไป ฉะนั้น คือสิ่งที่เข้าใจกันไม่ตรง และไม่ได้เอื้อนักลงทุนขนาดใหญ่ ยังไงนักลงทุนขนาดใหญ่ก็ยังมีหน้าที่เสียภาษีขายหุ้น
“ในวอลุ่มของการซื้อขายหุ้นแต่ละวันนั้น คนที่ซื้อขายหุ้นในตลาดทั้งหมด 11% เป็นรายใหญ่ ที่ซื้อหุ้นอยู่ 95% ของตลาด ส่วนที่เหลือคือรายย่อย ซื้อขายอยู่5%จึงคิดว่าไม่กระทบตลาดโดยรวม” รมว.คลังกล่าว
นอกจากนี้ ในบางประเทศก็มีการศึกษาของประเทศฝรั่งเศสกับอิตาลี ถ้ามีผลกระทบก็จะกระทบสั้น ๆ แต่เรื่องนี้ได้พูดคุยตั้งแต่ปีที่แล้ว ๆ ก็ได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และทางสภาตลาดทุนไทย จึงได้ผ่อนคลายข้อยกเว้นให้ ซึ่งยกเว้นในกองทุนต่าง ๆ ซึ่งทุกประเทศเขาก็ทำกัน ในกรณีที่เป็น saving สำหรับกองทุนการเกษียณอายุ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่เก็บภาษีแคปปิตอลเกนแน่นอน
