วันพุธ, พฤษภาคม 1, 2024
หน้าแรกHighlightนายกฯต่อยอดโครงการ CPOT ดันเป็น Soft Power เพิ่มรายได้สู่ท้องถิ่น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯต่อยอดโครงการ CPOT ดันเป็น Soft Power เพิ่มรายได้สู่ท้องถิ่น

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ส่งเสริมโครงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) นำภูมิปัญญาไทยมาพัฒนาต่อยอด ผลักดันเป็น Soft Power เพิ่มรายได้สู่ท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งเสริมโครงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เชื่อมั่นความพร้อมส่งออกสินค้า CPOT ผลักดันเป็น Soft Power สู่ตลาดต่างประเทศ เพิ่มรายได้พัฒนาท้องถิ่น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยกระทรวงวัฒนธรรมร่วมมือกับภาคเอกชน ร่วมกันสนับสนุนโครงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) ซึ่งเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย นำมาต่อยอด สร้างสรรค์ ยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเหล่านี้ ด้านการออกแบบ ประโยชน์ใช้สอย ขยายช่องทางการตลาดให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการยื่นคำขอจดลิขสิทธิ์ การขยายช่องทางการจำหน่าย ด้วยการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและทางออนไลน์ รวมถึงการสร้างเครือข่ายทางการค้าเพิ่มเติม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้เสริมความรู้ เพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ CPOT สนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย โดยผู้เชี่ยวชาญและวิทยากรจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 มี 20 สุดยอดชุมชนต้นแบบเที่ยวชุมชน ยลวิถี จาก 19 จังหวัดที่ผ่านคัดเลือกจำนวน 40 ผลิตภัณฑ์ เข้าร่วมเพื่อนำไปต่อยอดให้เกิดการยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ซึ่งมีศักยภาพในตลาดอย่างมาก เป็นการผสมผสานจุดเด่นด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ของสินค้า ประกอบกับ นวัตกรรม การออกแบบ การใช้ประโยชน์ที่สร้างสรรค์ ถือเป็นความสำเร็จที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่า เมื่อสินค้าทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าได้รับการต่อยอดทางการตลาดแล้วนั้น จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสู่ท้องถิ่นได้มหาศาล” นายอนุชา กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img