วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกHighlightยอดผลิตรถยนต์เดือนก.พ.วูบ หลังชิ้นส่วนรถกระบะขาดแคลน-รถอีวีตีตลาด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ยอดผลิตรถยนต์เดือนก.พ.วูบ หลังชิ้นส่วนรถกระบะขาดแคลน-รถอีวีตีตลาด

“สุรพงษ์” โชว์ตัวเลขการผลิตรถยนต์ 2 เดือนแตะ 2.75 แสนคัน ลดลง 15.90% หลังยอดส่งออกหดตัว เหตุขาดชิ้นส่วนผลิตรถกระบะ ขณะที่ขายในประเทศลดลง 32.96% หลังนำเข้ารถอีวีเข้ามาตีตลาด

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนม.ค. – ก.พ. 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 275,792 คัน ลดลง 15.90% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะเดือนก.พ.มีกำลังการผลิต 133,690 คัน ลดลง 19.28% หากเทียบกับก.พ. 66 และลดลงจากเดือนม.ค. 67 ที่ 5.92% แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 86,762 คัน ลดลง 9.25% จากการผลิตรถกระบะลดลงเพราะบางบริษัทขาดชิ้นส่วนบางชิ้น ส่วนการผลิตเพื่อขายในประเทศ 46,928 คัน ลดลง 32.96% เพราะถูกรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาแบ่งส่วนแบ่ง และจากการผลิตรถกระบะลดลง รวมถึงสถาบันการเงินเข้มงวดในการให้สินเชื่อ

สำหรับปัจจัยสำคัญของยอดขายของรถหลัก ๆ คือยอดการปฎิเสธสินเชื่อแม้ว่าความต้องการซื้อยังคงสูงส่งผลให้ยอดขายโดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้สูงมากนัก ยืนยันว่าไม่ใช่ความต้องการที่ลดลงเลย แต่โดนแฎิเสธในเรื่องของการให้สินเชื่อ เพราะหนี้ครัวเรือนสูง

อย่างไรก็ตาม จากการที่สถาบันทางการเงินหรือกลุ่มที่ปล่อยให้เช่าซื้อรถยนต์ในช่วงหลายปีก่อนที่ต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด ส่งผลให้ผู้ซื้อรถมีรายได้ก็ลดลง ค้างชำระหนี้และกระทบมาเรื่อย ๆ ทั้งหนี้มือถือ หนี้ซื้อรถยนต์ หนี้บัตรเครดิต เป็นต้น อีกทั้ง ส่วนมากเป็นกลุ่มที่ซื้อรถยนต์ที่เป็นรถกระบะเพื่อนำไปประกอบธุรกิจ 

“เมื่อเจอวิกฤติโควิดแล้วรัฐบาลประกาศมีมีการล็อกดาวน์ในพื้นที่ต่าง ๆ กำลังซื้อก็ลดลง นักท่องเที่ยวก็ไม่มา สายการบิน หรือแม้แต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ดาราต่างตกงานส่งผลให้รายได้ก็ตกลงตั้งแต่ตอนนั้น คนที่ปล่อยสินเชื่อ สถาบันทางการเงิน ธนาคารต่าง ๆ ก็ขาดทุนตาม ๆ กัน” 

ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่ายอดการผลิตรถอีวีไทยล้นตลาดนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะในไทยก็ยังผลิตได้แค่ 766 คันและ 2 เดือนที่ผ่านมาผลิตได้ราว 1,400 คัน ยังผลิตไม่ได้เต็มที่ แต่เชื่อว่าในช่วงกลางปีเป็นต้นไป จะสามารถผลิตได้จำนวนมาก

ส่วนการลดราคารถอีวีเนื่องจากในจีนลดราคาอาจจะมาจากความต้องการในจีนที่ลดลง ถือเป็นข้อดีและเป็นโอกาสที่คนไทยจะได้ซื้อรถในราคาที่ไม่สูงด้วยซ้ำ เพราะหลังจากที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุนตามมาตรการอีวี 3.0 ที่เฉลี่ยคันละประมาณ 1.5 แสนบาท ช่วยให้การตัดสินใจซื้อรถอีวีมีมากขึ้น 

“รถที่นำเข้ามาลดราคาส่วนมากก็มาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ทราบว่าเงินหยวนอ่อนค่าหรือไม่ เพราะถ้าอ่อนค่าลง การส่งออกก็ถูกลง เงินบาทเราอ่อนและแข็งค่าตามเงินหยวน”

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปลายปี 2567 จนมาถึง 2 เดือนที่ผ่านมา จะมีรถยนต์ไฮบริด (HEV) มากขึ้นและราคาถูกลงตามซีซีในราคาระดับ 7-8 แสนบาทต่อคัน ซึ่งส่วนนี้ก็มาแข่งขันกับรถอีวี ถือเป็นกลไกตลาด ซึ่งปีนี้ตามนโยบายรัฐบาลจะเริ่มเห็นยอดการผลิตรถอีวีในไทยเพิ่มขึ้น โดย 2 เดือนที่ผ่านมาผลิตแล้ว 1,400 คัน แม้จะยังน้อยอยู่ โดยยอดขายเฉลี่ยเดือนละ 4-5 พันคัน 

สำหรับกรณีที่รถยนต์มือ 2 ที่ราคาต่ำลง ปัจจัยมาจากการโดนยึดเยอะ และอีกปัจจัยที่ทำให้คนหันมาเปลี่ยนเป็นรถอีวีเพราะสู้ราคาน้ำมันไม่ไหว ดังนั้น จะเห็นได้ชัดว่าคนที่เปลี่ยนมาใช้รถอีวีจะอิงกับการใช้งาน ยิ่งใช้งานเยอะก็จะหันมาใช้รถอีวี เพราะค่าไฟฟ้าที่ชาร์จถูกกว่าราคาน้ำมันที่มีแต่ราคาจะสูงขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่ายอดขายรถอีวีจะดีขึ้นใน 6 เดือนหลัง โดยปัจจัยสำคัญมาจากงบประมาณรายจ่ายปี 67 ที่จะเริ่มใช้ในเดือนเม.ย. 67 ส่วนงบปี 68 ก็จะต้องรีบเร่งในการประกาศให้ทันใช้วันที่ 1 ต.ค.67 ซึ่งจะมีการลงทุนของภาครัฐ รวมถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐออกมา จะทำให้เศรษฐกิจต่าง ๆ ดีขึ้น มีการแก้ไขหนี้ค้างนานที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าจะมีการแก้หนี้เรื้อรัง 

นอกจากนี้ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่ได้แก้ไขไปแล้วกว่า 1 แสนราย จะทำให้ค่อย ๆ ดีขึ้น อีกทั้งคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบื้ยลงในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย. 2567 ซึ่ง ธปท. ก็น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน ถึงตอนนั้นค่าใช้จ่ายในเรื่องของดอกเบี้ยก็จะลดลงประชาชนจะเริ่มมีกำลังซื้อและเริ่มใช้จ่ายได้ตามปกติ ที่ไม่ดีเพราะปีที่แล้วและต้นปีนี้รถยนต์กับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีซัพพลายเชนที่ยาวลดลง 

ทั้งนี้ ยอดผลิตรถยนต์ที่ลดลงเพราะมีรถอีวีเข้าแย่งตลาดประมาณ 8 หมื่นคัน ทำให้ยอดผลิตในประเทศลดลง 8 หมื่นคัน รถกระบะได้รับผลกระทบ 1.2 แสนคัน จากการปฎิเสธสินเชื่อส่งผลให้แค่ 2 รายการนี้รวมกันที่ 2 แสนคัน จากที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตขายในประเทศ 9 แสนคัน จึงหายไป 2 แสนคัน

อย่างไรก็ตาม อีกปัจจัยคือ การท่องเที่ยวปีนี้จะเติบโตกว่าปีที่แล้ว จากที่ตั้งเป้ามากกว่า 32 ล้านคน อาจจะถึง 35 ล้านคน แต่ยังหวังว่าจีนจะฟื้นได้หรือไม่ เพราะยังมีปัญหาย้ายฐานการผลิตออกนอกประเทศ จากสงครามการค้าระหว่างประเทศ ส่วนหุ้นน่าจะดีขึ้น 


 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img