“สว.สมชาย” แฉ “สุขุมวิท-ข้าวสาร”เปิดขายกัญชาโจ๋งครึมให้นักท่องเที่ยว ฟันรายได้วันละ 1 แสน-3 ล้าน ชี้ประกาศสธ.ฉบับใหม่ดีขึ้นเล็กน้อย จี้สภาฯเร่งส่งร่างกัญชาฯให้ส.ว.ศึกษาก่อน
วันที่ 15 พ.ย.65 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาต่างๆ โดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว. หารือถึง การแก้ไขปัญหาเรื่องสุญญากาศกัญชาในขณะนี้ ว่า ยังจะเกิดขึ้นต่อเนื่องต่อไปอีก 1-3 ปี และในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ก็ได้มีการเสนอปลดล็อกกัญชาเพื่อรักษาทางการแพทย์ ทั้งแผนปัจจุบัน แผนไทย แผนไทยประยุกต์ เวชกรรมและอื่นๆ โดยนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตรวจร่างกฎหมายเอง และเราก็นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี ที่นำกัญชามารักษาโรคบางโรคได้ รวมทั้งบรรเทาอาการเจ็บป่วย และยังมีงานวิจัยต่อไปในอนาคต ซึ่งตนสนับสนุนให้ใช้กัญชาทางการเแพทย์ แต่ขณะนี้เกิดปัญหาขึ้นท่ามกลางเสรีที่ไร้ขอบเขต และจะเกิดวิกฤตขึ้นต่อเนื่องไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่
นายสมชาย กล่าวว่า ขอขอบคุณ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ได้ปะผุออกประกาศฉบับใหม่ขึ้นมา เพราะฉบับแรกที่ประกาศเมื่อเดือนมิ.ย.65 เป็นกฎหมายที่ไม่มีบทลงโทษ และจับกุมใครไม่ได้เลย ทำให้เกิดร้านกัญชาสันทนาการขึ้นเป็นดอกเห็ด ประกาศฉบับใหม่ก็ดีขึ้นเล็กน้อย ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หมด แต่ก็ดีกว่าไม่มี เพราะกฎหมายที่ต้องใช้จริงๆคือ ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่ยังค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ตนเห็นการบรรจุระเบียบวาระแล้ว ซึ่งอยากให้ทางสภาผู้แทนราษฎร ส่งมาให้วุฒิสภา เพื่อที่วุฒิสภาจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการให้กฎหมายออกไป ถ้าทั้ง 95 มาตราดีอยู่แล้ว เราก็จะไม่แก้ไข และถ้าแก้ไขแล้วเป็นประโยชน์ต่อสวนรวมมากที่สุดวุฒิสภาก็จะแก้ไข และขอเรียกร้องให้สภาผู้แทนฯ อย่าตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ร่วม เพราะระยะเวลาสมัยประชุมจากนี้จนถึงวันที่ 28 ก.พ.66 มีเวลาพอที่จะพิจารณา อย่าปล่อยให้การเมืองทำให้กฎหมายกัญชาเกิดการไร้เสถียรภาพ
“ผมเดินสำรวจและถ่ายรูปด้วยตัวเอง ในตลาดพบตามร้านต่างๆที่จำหน่ายกัญชา ทั้งที่ย่านสุขุมวิท และถนนข้าวสาร เห็นชัดเจนว่าตัวTSC ที่บอกว่าไม่มีพิษนั้นไม่จริง เพราะค่าพิษสูง 5-37 เปอร์เซนต์ ซึ่งเมื่อคืน(14 พ.ย.)ผมในย่านสุขุมวิท 11 หลังจากมีประกาศควบคุมดอกช่อแล้ว ยังพบรถตู้จำหน่ายกัญชาอยู่ รวมทั้งร้านปากซอยสุขุมวิท 11 ที่ขายแฮมเบอร์เกอร์ และในสุขุมวิท 26 โดยมีป้ายโฆษณาด้านบนร้าน ข้อความว่า ห้ามโฆษณาสมุนไพรควบคุมทุกช่องทางเพื่อการค้า และยังมีโรงแรมริมถนนสุขุมวิท ปากซอยสุขุมวิท 20 เปลี่ยนโรงแรมเป็นโรงแรมกัญชาแล้ว และที่น่าแปลกใจคือเรามีการประกาศควบคุมอาหารว่าผู้ที่ประกอบอาหารสดด้วยกัญชา จะต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบ แต่ไม่มีร้านไหนประกาศว่าใส่กัญชา ทุกร้านกลับติดป้ายว่าร้านตัวเองปลดกัญชา ยกเว้นเครื่องดื่มที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อ ที่อย.เข้าไปควบคุมค่าTSC แล้ว รวมถึงร้านค้าย่านถนข้าวสาร ซึ่งมีทั้งของอดีตนักการเมือง นักการเมืองปัจจุบัน มีการเขียนชัดว่ามีพื้นที่สูบกัญชา ซึ่งมีนักเรียนอยู่ด้วย ส่วนช่วงกลางคืนขายกัญชาเป็นมวน ตลอดถนนข้าวสาร ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวไม่ไปถนนข้าวสารแล้ว เพราะกลายเป็นย่านยาเสพติดของประเทศไทย”นายสมชายกล่าว
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะเราไร้กฎหมายกัญชา กัญชง ทั้งนี้ตนสนับสนุนให้ใช้กัญชารักษาโรค ไม่ได้สนับสนุนให้เพื่อสันทนาการ หรือที่พี้กันอยู่ทุกวันนี้ สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรหากใช้เพื่อสันทนาการ เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว เราต้องมีการกำกับดูแล ควบคุม แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือไร้การควบคุม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)บอกว่าจับกุมไม่ได้ เพราะไม่ให้อำนาจเขา วันนี้ประกาศมาตรา 46 ไปแล้ว ตนก็จะดูว่ามีความผิดตามมาตรา 78 คือมีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับได้หรือไม่ หรือเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและสตช.ใครคนใดคนหนึ่งอาจจะโดนมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก่อนใคร เพราะร้านต่างๆที่ตนพบมายังจำหน่วยช่อดอกกัญชาอยู่จนถึงวันนี้ โดยผู้ขายยืนยันว่ามียอดขายตั้งแต่วันละ 3 แสนบาท-1 ล้านบาท จำหน่วยให้กับนักท่องเที่ยวเอาไปเสพสันทนาการ บางร้านขายได้ถึง 3 ล้านบาท บางร้านเลิกขายอสังหาริทรัพย์ มาขายกัญชา และกัญชาที่ขายนำเข้ามาจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด และผู้มีอิทธิพล มาเฟียร์ ต่างชาติเป็นเจ้าของ ไม่ใช่คนไทย เราหลอกให้คนไทยเป็นเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคมาปลูกกัญชาแต่ไม่ได้ขาย ขอยืนยันร้อยเปอร์เซนต์ร้านค้าที่ขายกัญชาไม่ใช่เพื่อทางการแพทย์ แต่เพื่อสันทนาการ
