วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกHighlightเปิดแผนคุมพื้นที่เสี่ยง14วัน-ไม่เคอร์ฟิว งดเดินทางโดยไม่จำเป็น-WFH 100%
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เปิดแผนคุมพื้นที่เสี่ยง14วัน-ไม่เคอร์ฟิว งดเดินทางโดยไม่จำเป็น-WFH 100%

“ศบค.” ประชุมออนไลน์เคาะมาตรการคุมเข้มสกัดโควิดพุ่ง คุม 14 วัน เฉพาะพื้นที่เสี่ยง “กทม.-ปริมณฑล-6 จังหวัดใต้” จำกัดการเดินทางออกจากบ้าน เว้นไปซื้ออาหาร-ไปรพ.-ไปฉีดวัคซีน ลดปชช.เคลื่อนที่ เน้น WFH 100% ยกเว้นงานบริการที่จำเป็นและงานเกี่ยวเนื่องกับสาธารณูปโภค

รายงานจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผอ.ศบค. เป็นประธาน จะประชุมผ่านออนไลน์ในวันนี้ ทางพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. จะนำข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ให้ที่ประชุมพิจารณา เบื้องต้นข้อกำหนดใหม่ที่จะออกมา จะมีผลเฉพาะสำหรับพื้นที่เสี่ยง คือ กทม. และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน ทั้งการจำกัดการเดินทางออกจากบ้าน และไปในสถานที่เสี่ยง โดยลดการเคลื่อนที่ของประชาชน โดยขอให้เวิร์คฟอร์มโฮม (WFH) 100 % ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น และงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค และขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้น ซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาล และ ฉีดวัคซีน

มาตรการทั้งหมด เมื่อเป็นมติออกมา แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที จะให้เวลาเพื่อการเตรียมตัว ซึ่งนาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ร่างข้อกำหนดใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพื้นที่ โดยมาตรการและข้อกำหนดที่จะออกมาจะคล้ายกับเมื่อเดือน เม.ย.2563 โดยในส่วนของห้างสรรพสินค้าจะอนุญาตให้เปิดได้เฉพาะส่วนซุปเปอร์มาเก็ต แผนกขายยา แผนกอาหาร แผนกสินค้าเบ็ดเตล็ดเช่นเดิม, ร้านสะดวกซื้อจะมีกำหนดเวลาเปิด-ปิด พร้อมขอความร่วมมือ ประชาชนในพื้นที่เสียง 6 จังหวัด ไม่ออกนอกเคหะสถานตามเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเป็นช่วงเวลา 22.00-04.00 น. โดยเน้นเฉพาะพื้นที่ 6 จังหวัดเท่านั้น เว้นแต่มีความจำเป็น แต่จะไม่ประกาศเป็นเคอร์ฟิว รวมทั้งการกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันการแพร่โรคเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ

ด้านน.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ “มาดามเดียร์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีออกมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะยอดผู้เสียชีวิต และผู้ติดเชื้อทุบสถิติสูงสุดของประเทศไทย และดูทีท่าว่าแนวโน้มตัวเลขจะยังคงสูงมากขึ้นต่อเนื่อง ตัวเลขของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ที่แพร่กระจายได้รวดเร็วกว่า 1.4 เท่าเข้ามาแทนที่สายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) ทีมแพทย์และพยาบาลด่านหน้าต่างออกมาส่งเสียงร้องถึงความอ่อนล้าในการต่อสู้กับไวรัสโควิดมาปีกว่า จนหลายท่านถึงกับคาดการณ์ปัญหาว่าหากรัฐบาลยังปล่อยสถานการณ์ให้ดำเนินไปเหมือนเดิม ระบบสาธารณสุขไทยอาจต้องถึงคราวล่มสลายแล้วของจริง

“สนับสนุนให้นายกฯ ตัดสินใจล็อคดาวน์ แต่ต้องเตรียมมาตรการต่างๆ ให้พร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการล็อคดาวน์ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การวางแผนรับมือระยะยาวในการต่อสู้กับไวรัสโควิด19 ให้กับคนไทยที่จะต้องอยู่กับโควิด19ไปอีกนาน”น.ส.วทันยา ระบุ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img