วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกNEWS“สธ.”แจงซื้อวัคซีนโควิด อิงจากยอดประชากร ตั้งเป้าฉีดทุกเข็ม 30 ล้านโดส
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สธ.”แจงซื้อวัคซีนโควิด อิงจากยอดประชากร ตั้งเป้าฉีดทุกเข็ม 30 ล้านโดส

สธ.เผยการจัดซื้อวัคซีนคำนวณจากประชากร ห่วง “สูงวัย-เด็ก” ยังไม่ได้ฉีดเข็มแรกรวม 4 ล้านคน ตั้งเป้าฉีดวัคซีนทุกเข็ม 30 ล้านโดส สั่งทุกพื้นที่สแกนเข้มทำแผนเพื่อให้เปิดประเทศปลอดภัย

 

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.65  ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์วัคซีนโควิด-19 ในไทย ว่า รายงานข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เข็มที่ 1 ฉีดแล้ว 56 ล้านคนคิดเป็น 81.7 เปอร์เซ็นต์  เข็มที่ 2 ฉีด 52 ล้านคนคิดเป็น 75.9 เปอร์เซ็นต์ และเข็มที่ 4 ฉีด 28 ล้านคนคิดเป็น 41.1 เปอร์เซ็นต์  ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อเปิดกิจการต่างให้ปลอดภัยคือต้องฉีดเข็ม 3 อย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้ยังต้องเร่งรัดฉีดให้ได้อีก 15-20 ล้านโดส ดังนั้นอายุ 12 ขึ้นไป สามารถรับเข็ม 3 และ 4 ได้แล้ว

ทั้งนี้การจัดหาวัคซีนของไทยมีการพิจารณาหลายขั้นตอน และสุดท้ายศบค.เป็นผู้อนุมัติ ซึ่งแผนปี 2564 จัดซื้อทั้งหมด 121 ล้านโดส ฉีดได้ 104.4 ล้านโดส แผนปี 2565 จัดซื้อ 120 ล้านโดส มีการอนุมัติจากศบค.และลงนามซื้อแล้ว 90 ล้านโดส ส่งมอบ 36 ล้านโดส ฉีดแล้ว 34 ล้านโดส ดังนั้นวัคซีนมีเพียงพอ นอกจากนี้ยังได้รับบริจาควัคซีน เช่น ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แอสตร้าเซเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์น่า และโคโวแว็กซ์ รวมทั้งหมด 13 ล้านโดส ขณะเดียวกันไทยเริ่มบริจาคให้ประเทศขาดแคลน เช่น ประเทศแถบแอฟริกา สำหรับต่อไปนี้จะต้องฉีดวัคซีนทุกปีเหมือนไข้หวัดใหญ่หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามข้อมูล แต่เราก็มีวัคซีนสำรองอยู่แล้ว เช่นปี 2565 ที่มีแผนจะจัดซื้อ 120 ล้านโดส ตอนนี้นำเข้ามา 36 ล้านโดส ฉะนั้นส่วนที่เหลือจะสำรองไว้ปีหน้า หรือเพื่อฉีดเป็นกระตุ้นทุกปี

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ / กระทรวงสาธารณสุข

“ถ้าเทียบตัวเลขง่ายๆ คนไทย 70 ล้านคน ฉีดคนละ 2 เข็ม รวมเป็น 140 ล้านโดส ซึ่งตอนนี้เราฉีดสะสม 138 ล้านโดส แต่หากต้องฉีด 3 เข็มก็รวมเป็น 210 ล้านโดส ซึ่งเราจัดซื้อทั้งหมด 138 ล้านโดส ซึ่งเรามีสัญญาการส่งมอบในมือ หากจำเป็นหาวัคซีนเพิ่มเติม เราก็จะมีแหล่งวัคซีนให้เหมาะสมกับคนไทย”นพ.โอภาส กล่าว     

แต่ปัญหาตอนนี้คือประชาชนไม่อยากมาฉีดวัคซีน เพราะ 1.กลัวผลข้างเคียงแต่ยืนยันว่าทุกสูตรมีความปลอดภัย 2.คิดว่าฉีด 2 เข็ม ก็พอ แต่ยืนยันว่าไม่พอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 และ 3.คิดว่าโอมิครอนไม่รุนแรง ซึ่งอาจจะจริง แต่กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ฉีดวัคซีนยังเสียชีวิตได้ 4.กังวลผลข้างเคียงวัคซีน mRNA ระยะยาว ซึ่งเรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ แค่คาดว่าไม่น่าจะมี แต่หากกังวลก็มีวัคซีนตัวอื่นให้ และ 5.เดินทางมารับวัคซีนลำบาก เราจึงกระจายวัคซีนไปใกล้บ้านตั้งแต่ รพ.สต. รพ.ชุมชน รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป ศูนย์วัคซีนฯ อื่นๆ ดังนั้น กลยุทธ์ จากนี้คือให้จังหวัดจัดทำแผนดูว่ายังขาดวัคซีนเข็มกระตุ้นอยู่เท่าไหร่ เนื่องจากวิเคราะห์พบว่าส่วนใหญ่ที่ฉีดเข็มกระตุ้นนั้นส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอเมือง แต่อำเภอห่างไกล ชนบทห่างไกลยังฉีดน้อย ยิ่งเข็มกระตุ้นยิ่งน้อยมาก บางอำเภอไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ จึงหวังว่าเราจะร่วมใจกันเพื่อให้เราเปิดกิจการต่างๆ ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

ด้าน นพ.สุเทพ เพชรมาก หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 กว่า 81.67 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังมีผู้สูงอายุ 2 ล้านคนและเด็กอายุ 5 – 11 ปี อีก 2 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดเข็ม 1 ขณะที่การจะเปิดกิจกรรมต่างๆ ได้ ต้องได้เข็ม 3 อย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ โดยข้อมูลขณะนี้จึงต้องเพิ่มเข็ม 1 อีก 9-10 ล้านโดส ต่อด้วยเข็ม 2 และเข็ม 3 ที่ต้องฉีดอีก 15 ล้านโดส ฉะนั้นเป้าหมายที่ต้องดำเนินการคือฉีดเพิ่มอย่างน้อย 30 ล้านโดส ทั้งนี้ สธ.กระจายวัคซีนไปที่ รพ.สต. พาวัคซีนไปหาแขนเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ดังนั้นสถานพยาบาลต่างๆ ขอให้มีการเปิดฉีดวัคซีนทุกวัน แม้ว่าจะมีผู้มาฉีดวัคซีนน้อยก็ตาม.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img