วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกHighlight“บิ๊กตู่”แชร์วิสัยทัศน์ที่มีต่อประเทศ หลักสำคัญคือทำให้สำเร็จ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กตู่”แชร์วิสัยทัศน์ที่มีต่อประเทศ หลักสำคัญคือทำให้สำเร็จ

‘ประยุทธ์’ แชร์วิสัยทัศน์ที่มีต่อประเทศ ชี้หลักสำคัญคือทำให้สำเร็จ มุ่งงานใหญ่สร้างอนาคตไทย ฝนทำระบบขนส่งรางกทม.เทียบโตเกียว ใกล้เคียงลอนดอน

วันที่ 27 ต.ค.ที่ห้อง A1 บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเป็นประธานในงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย)” ตอนหนึ่งว่า วันนี้ขอแชร์วิสัยทัศน์ของตนที่มีต่อประเทศไทย และแนวทางในการทำงานของตนในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าให้ทุกคนได้ทราบ ซึ่งหลักการสำคัญ ที่เป็นแนวทางการทำงานของตนสรุปได้ในสามคำ คือ“ทำให้สำเร็จ” (GET THINGS DONE) คือการทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเตรียมประเทศให้พร้อม สำหรับอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายปีมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลไทยหลายยุคหลายสมัย มีความยากลำบากอย่างมาก ในการทำเรื่องสำคัญ ที่จำเป็นต่อการเดินหน้าประเทศให้เกิดขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาคือทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย บนเวทีระดับโลกค่อยๆ ลดลง และคนไทยกว่า 70 ล้านคนสูญเสียโอกาสมากมายที่ควรจะมี ทั้งๆ ที่พวกเราอยู่ในประเทศที่มีพร้อมทุกอย่าง อย่างประเทศไทย

“การที่ผมต้องทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ เพราะผมมีเป้าหมายเพื่อทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า บนเส้นทางที่จะเติบโต และเจริญรุ่งเรืองไปทั่วทุกหย่อมหญ้า อย่างยั่งยืน เป็นเส้นทางที่เราคนไทยจะต้องจับมือไปด้วยกัน และจับมือกับประเทศเพื่อนบ้านและสังคมโลกด้วย แต่เรื่องใหญ่ๆ ที่เราต้องทำมีเยอะมากเกินกว่าที่เราจะทำได้ทั้งหมด พร้อมๆ กัน ผมจึงต้องเรียงลำดับความสำคัญ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการพุ่งเป้าไปที่การยกระดับความมั่งคั่งของทั้งประเทศ แบบที่จะกระจายความเจริญรุ่งเรืองไปทั่วทุกพื้นที่ เพิ่มเติมจากพื้นที่ ที่มีความเจริญอยู่แล้ว เราต้องทำเรื่องที่จะสร้างประโยชน์ ให้กับคนทุกระดับในสังคมทั้งประเทศ สร้างพื้นฐานที่เอื้อให้ประชาชนสามารถทำมาหากิน สร้างความกินดีอยู่ดีให้กับตัวเขาเองได้ บนเส้นทางที่ยั่งยืน ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตรัสไว้เมื่อ 24 ปีก่อนว่าเราไม่ควรให้ปลาแก่เขา แต่ควรจะให้เบ็ดตกปลาและสอนให้เขารู้จักวิธีตกปลา ที่ผ่านมา

ได้ให้ความสำคัญอย่างมาก กับการสร้างความรุ่งเรืองให้กับคนไทย ในทุกระดับของสังคมเพราะมันคือการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรง ให้เกิดขึ้น เพื่อที่เราจะเดินหน้าไปสู่การปรับแก้สิ่งต่างๆ ที่เป็นประเด็นทางสังคม ทั้งเรื่องความยุติธรรมในสังคม และความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงโอกาสทำมาหากิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานที่จะทำให้สังคม อยู่กันอย่างสงบสุขและมั่นคง และเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า ซึ่งสาเหตุที่ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ 3 แกนอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤตโควิดก็ตาม

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวทีดังกล่าวโชว์วิสัยทัศน์ผลงานที่ผ่านมา กว่า 30 นาที โดยเฉพาะผลงานด้านการคมนาคมการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงสร้างพื้นฐาน โดยกล่าวว่า ทุกคนทราบกันดีว่า การสร้างความมั่งคั่งให้แผ่กระจายไปทั่ว อย่างกว้างขวางไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการแบบเร่งรีบ ฉาบฉวยหรือการแจกเงิน แต่เราต้องทำให้ประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง มีสิ่งพิสูจน์ ให้เห็นมาแล้วเป็นร้อยๆ ปีว่า คือวิธีการที่ดีที่สุดในการเร่งสร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชน ในทุกระดับของประเทศ ตนได้ริเริ่มโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เป็นโครงการที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง อย่างบูรณาการเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ใหญ่ ซึ่งเมื่อทุกส่วนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการจะเป็นการเปิดประตูเดินหน้าสู่ช่วงเวลาที่จะเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองที่สุด ยุคหนึ่งของประเทศไทย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนดีใจที่จะบอกว่าวันนี้เราเดินมาได้ไกลแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับโรคระบาดร้ายแรง แต่เรายังคงสู้อยู่บนเส้นทางที่มุ่งไปสู่เป้าหมาย ต้องขอขอบคุณความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล ความใจสู้ของข้าราชการไทย ความไม่ยอมแพ้ของภาคเกษตรกรและภาคเอกชน และที่สำคัญที่สุด คือสปิริตของคนไทย ที่พร้อมร่วมมือกัน และเต็มใจที่จะเสียสละบางอย่าง เพื่อประโยชน์ของประเทศในวงกว้าง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานระบบรางเดินหน้ามาได้ไกลมาก เช่นเดียวกับการสร้างระบบรางที่ทันสมัยสำหรับประเทศไทย ในเวลาแค่ 5 ปีที่ผ่านมาเราได้ก่อสร้างเส้นทางรถไฟ เป็นระยะทางที่มากกว่าระยะทางทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ซึ่งใช้เวลา 50 ปีกว่าจะสร้างเสร็จ และภายในอีกแค่ 2 ปีข้างหน้า เส้นทางรถไฟที่เราก่อสร้างแล้วเสร็จ จะเป็นระยะทางที่มากกว่าถึง 4 เท่า เทียบกับระยะทางทั้งหมดที่ก่อสร้างมาใน 50 ปีก่อนหน้านี้ อีกทั้ง ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง ก็เช่นเดียวกัน เราได้ขยายเส้นทางของระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมืองทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระยะทางและจำนวนสถานีของระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง ที่เคยใช้เวลาสร้างถึง 20 ปี แต่วันนี้ เราใช้เวลาเพียง 5 ปี ทำได้มากกว่า และเรากำลังสร้างเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ ในอีก 3 ปีข้างหน้า

“ผมจะทำให้ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมืองของกรุงเทพฯ อยู่ในระดับเดียวกับที่โตเกียว และใกล้เคียงกับที่ลอนดอน ในเรื่องของระยะทางและจำนวนสถานี”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า ถ้าเราจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ จะต้องมีความอดทนและเข้าใจเมื่อผลที่ได้ อาจจะไม่เพอร์เฟ็ค แต่ก็เพื่อจะให้ชิ้นงานต่างๆ เกิดขึ้นได้

“ผมรู้ว่า ถ้าเรามองสไตล์การทำงานแบบนี้ หลายท่านอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ แต่ก็เป็นวิธีการบริหารที่ผมเชื่อว่า สังคมจะเดินหน้าไปได้โดยไม่ทิ้งรอยแตกร้าวอย่างถาวร ระหว่างคนกลุ่มต่างๆ และเมื่อผมทำงานในสไตล์นี้ ท่านอาจสงสัยว่าทำไมบางทีผมใจร้อนเกินไป หรือบางทีใจเย็นเกินไป ก็เพราะผมพยายามผสมผสานความแข็งกร้าวเพื่อที่จะให้งานเดินหน้า กับความยืดหยุ่นเพื่อที่จะให้หลายกลุ่มหลายฝ่ายเดินไปด้วยกันได้ ซึ่งแน่นอนว่าหลายครั้งผมอาจจะไม่ได้ทุกอย่างตามที่ผมต้องการ ผมจึงต้องเรียงลำดับความสำคัญว่า อะไรที่ผมต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ และอะไรที่ผมควรปล่อยผ่านไปก่อน ผมตระหนักดีว่า บางครั้งความแข็งกร้าวของผม ทำให้ผมต้องเสียเพื่อน แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องยอมแลก เพื่อจะทำสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับประเทศ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ วันนี้ผมจึงขอให้ทุกคนเข้าใจในความตั้งใจของผม ที่พยายามที่จะขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้” พล.อ.ประยุทธ กล่าวและว่า ทั้งหมดตั้งเป้าที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จเรียบร้อย ภายในไม่เกิน 12 เดือนข้างหน้านี้และเมื่อเราทำสำเร็จได้ ก็จะเป็นเหมือนเราเร่งเครื่องผ่านเนินเขาช่วงที่ชันที่สุดไปได้ แล้วประเทศไทยก็จะวิ่งต่อไปข้างหน้า สู่การเป็นประเทศผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้ ในที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หน้าที่ของตนคือพยายามบริหารจัดการขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ที่บางครั้งอาจมีอุปสรรค มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง ซึ่งในมุมมองของคนภายนอกอาจเห็นว่ามีแต่เรื่องวุ่นวาย แต่ในที่สุดแล้ว ขอให้ดูผลลัพธ์ที่โครงการเหล่านั้นเกิดขึ้นได้จริง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตยที่แข็งแรง แต่เราไม่ควรที่จะไขว้เขว หรือเสียสมาธิไปจากเรื่องใหญ่ๆ เรื่องสำคัญๆ ของประเทศ เพราะเรารู้ว่า ในที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรมาทดแทนผลงานจริงได้ และสิ่งสำคัญของประเทศก็จะไม่เกิด นั่นคือเหตุผลที่ตนเลือกใช้เวลา มุ่งมั่นไปกับการทำงานใหญ่ให้กับประเทศ ทำให้มันเกิดขึ้นจริงให้ได้ และเตรียมประเทศเราให้พร้อมสำหรับอนาคต ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า เราได้เดินหน้ามาจนเกือบจะถึงจุดหมายแล้ว ในการสร้างพื้นฐานที่ครบครันและครอบคลุมที่จะเป็นฐานที่แข็งแรงของประเทศที่มีความพร้อม เพื่อให้ภาคเอกชนได้ร่วมกันสร้างประเทศต่อไป ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เราทุกคนจะได้ร่วมกันนำพาประเทศไทยไปสู่อีกยุคหนึ่งของความรุ่งเรืองของประเทศไทย ภายในเวลาอีกไม่นานนี้

“ขอขอบคุณสื่อมวลชน ที่ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ท่ามกลางสิ่งที่ยากที่สุดในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยข่าวสารที่ผิวเผิน และการใช้อารมณ์ โดยไม่โอนเอนไปตามแนวทางที่จะนำเสนอข่าวสารที่ทำลายสังคม ยั่วยุปลุกปั่น เลือกข้างหรือรุนแรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ทุกท่านทราบดีว่า เป็นการทำลายประชาธิปไตยและความถูกต้องในสังคมไปทีละน้อย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img