วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกHighlight"จาตุรนต์"ฟาด"บิ๊กตู่-สุเทพ"สร้างเงื่อนไขล้มรัฐบาลเลือกตั้งบริหารไม่ได้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“จาตุรนต์”ฟาด”บิ๊กตู่-สุเทพ”สร้างเงื่อนไขล้มรัฐบาลเลือกตั้งบริหารไม่ได้

“จาตุรนต์” ฟาด “บิ๊กตู่-สุเทพ” สร้างเงื่อนไขล้มรบ.เลือกตั้งบริหารไม่ได้ อัด 8 ปี ไทยได้ผู้นำไม่มีวิสัยทัศน์-บริหารไม่เป็น  “อลงกรณ์” แขวะ บางคนมีอำนาจเด็ดขาด แต่ไม่ได้ทำเพื่อปชช. “อรรถวิชช์” แนะ ผู้นำต้องสู้ทุกเรื่อง ไม่แบ่งแยกซ้ายขวา

วันที่ 9 ธ.ค. 65 ที่อาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต นิตยสารสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ จัดงานสัมมนาพิเศษ ในโอกาส ก้าวสู่ปี ที่ 70 ในหัวข้อ “โอกาส ความหวัง การเมืองวิถีใหม่” โดยมี นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบกลุ่มงานนโยบายและข้อมูลการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ,นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียน พรรคภูมิใจไทย ,นายชื่นชอบ คงอุดม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ,ศ.ดร.โกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมเสวนา

โดยนายจาตุรนต์ กล่าวถึงผู้นำทางการเมืองวิถีใหม่ควรมีคุณสมบัติอย่างไร ว่า ผู้นำการเมืองวิถีใหม่ต้องมีวิสัยทัศน์ มองเห็นว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เมืองไทยอยู่ตรงไหน โลกกำลังเจอปัญหาวิกฤตที่จะต้องปรับตัวฟื้นตัว ผู้นำต้องรุ้จักรับฟังคน รู้จักอาศัลคน รู้จักร่วมมือกับคนเพื่อที่จะทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะไม่ใช่คนเดียวจะเก่งไปซะทั้งหมด รวมถึงต้องเข้าใจประชาชน เข้าใจปัญหาประเทศ พร้อมที่จะแก้ปัญหาของประเทศ และสามารถตรวจสอบได้

“ที่ผ่านมา 8 ปี ผู้นำของไทยไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ที่พูดมาแต่ก็เป็นมาได้ ปัญหาจึงเป็นที่ว่า เป็นมาได้อย่างไร ซึ่งเป็นได้เพราะเขาสร้างเงื่อนไข ให้ประเด็นการเลือกตั้งคือ รักสงบจบที่ลุงตู่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส.ร่วมกันสร้างเงื่อนไข ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบริหารการปกครองไม่ได้ เพื่อยึดอำนาจ จึงนำมาสู่การที่มีนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องวิสัยทัศน์ ไม่ต้องฟังเสียงใคร บริหารไม่เป็นก็ได้ แต่ประชาชนต้องการบอกว่า รักสงบจบที่ลุงตู่ และที่สำคัญมีส.ว. 250 เสียงในมือ ก็ทำให้เป็นนายก จึงต้องมีการเปลี่ยนเงื่อนไขกติกาเหล่านี้ เพื่อให้เราได้ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีคุณสมบัติที่แท้จริง” นายจาตุรนต์ กล่าว

ด้านนายอลงกรณ์ กล่าวว่า 1.ต้องมีอุดมการณ์ประชาธิปไตย ยึดมั่นระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.มีความรู้ มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต 3.มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทันสมัยทันโลก 4.มีภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง กล้าหาญ มีประสบการณ์ และมีความรับผิดชอบสูง 5.มีความสามารถในการบริหารที่รวดเร็ว ฉับไว เลือกทีมงานที่เก่งและสุจริต 6.มีจุดยืนเพื่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่พวกพ้องและเครือญาติ 7.เป็นผู้นำของทุกคน

“หากผู้นำทางการเมืองวิถีใหม่ ถ้าสามารถมีคุณสมบัติเหล่านี้ การเมืองและประชาชนก็จะมีความหวัง และมีโอกาสที่ประเทศนี้ จะก้าวจากประเทศรายได้ปานกลาง สู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ที่สามารถไปแก้ไขความเหลื่อมล้ำ การผูกขาด โดยเฉพาะกลุ่มทุนผูกขาดล้วนแล้วแต่ได้ ข้าราชการระดับสูง ทั้งอดีตปลัดกระทรวง อดีตอธิบดี นักการเมือง และประมุขของกระบวนการยุติธรรม ยังออกไปเป็นลูกจ้างได้เลย เราปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ผมก็ฝันอย่างพวกเราที่อยากเห็นผู้นำทางการเมืองในวิถีทางการเมืองใหม่ ต้องมีความกล้าหาญ บางคนมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เสียดายที่ไม่ได้ใช้อำนาจนั้น เพื่อประชาชน เพื่อแก้ปัญหาที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ”นายอลงกรณ์กล่าว

ขณะที่นายศุภชัย กล่าวว่า สิ่งที่ผู้นำวิถีใหม่จะต้องมีคือรู้ปัญหา กล้าตัดสินใจ ซึ่งคนที่ตนเห็นว่ามีคุณสมบัติทั้งหมด คือนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ด้านนายอรรถวิชช์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับผู้นำยุคใหม่ จะต้องเข้าใจบริบทเศรษฐกิจ มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าตัดสินใจ 3 สิ่งนี้เป็นคุณสมบัติที่ผู้นำควรจะเป็น รวมถึงจะต้องโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต ถึงจะทำให้ประเทศไปรอด ตนอยากเห็นผู้นำที่สู้ทุกเรื่อง ไม่แบ่งแยกซ้ายขวาอีกแล้ว ให้ไปทะเลาะกับเรื่องที่ต้องเผชิญ ทั้งนี้เมื่อได้ขึ้นมาเป็นใหญ่แล้ว ห้ามแก้แค้นกันทั้ง 2 ฝ่าย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img