วันพุธ, พฤษภาคม 1, 2024
หน้าแรกHighlight“โรม”ปัดแตกแยกวิวาทะ“ปิยบุตร-พิธา” ลั่นมีงานใหญ่กว่าร่วมกันปิดสวิตช์“3ป.”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“โรม”ปัดแตกแยกวิวาทะ“ปิยบุตร-พิธา” ลั่นมีงานใหญ่กว่าร่วมกันปิดสวิตช์“3ป.”

“โรม” ชี้เปรี้ยงปมวิวาทะ “ปิยบุตร-พิธา” เป็นเรื่องปกติ มองต่างมุม ยันไม่ใช่ความแตกแยก ลั่นมีงานใหญ่กว่าร่วมกันปิดสวิตช์ “3 ป.”

วันที่ 22 ก.พ. 2566 เวลา 09.40 น.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีข้อพิพาทระหว่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า กรณีที่นายปิยบุตรโพสต์เฟซบุ๊กตลอดมาในการวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล ในหลายๆเรื่อง เชื่อว่านายปิยบุตรคงอยากเห็นพรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ซึ่งนายพิธาก็อาจจะคาดหวังให้นายปิยบุตรทำในส่วนอื่นที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวในเรื่องประชาธิปไตย สุดท้ายจะทำให้เราบรรลุเป้าหมาย ตั้งแต่ตอนที่ตั้งพรรคอนาคตใหม่จนถึงตอนที่ยุบพรรค และมาถึงวันนี้ ซึ่งหากเรามองเบื้องหลังถ้อยคำที่รุนแรงนั้น เราจะพบว่าแต่ละคนล้วนมีแต่ความปรารถนาดี จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนายพิธาบอกว่าอยากให้นายปิยบุตรช่วยเท่าที่ช่วยได้ตามที่กฎหมายเอื้ออำนวย ต้องยอมรับว่าตั้งแต่นายปิยบุตรถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็ไม่สามารถเข้ามามีบทบาทภายในพรรคได้ แต่ยังสามารถทำเท่าที่ยังทำไหว ในการที่จะทำให้ประเทศของเราพ้นไปจากยุค 3 ป. ให้เริ่มเป็นประชาธิปไตยสักที แม้จะมีถ้อยคำที่รุนแรงไปบ้างแต่เราต้องมีการปรับจูน ปรับแก้กันไป 

เมื่อถามว่า สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าภายในพรรคมีปัญหากันใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คนที่เป็นสมาชิกพรรค คนที่สนับสนุนก้าวไกล ตนเชื่อว่าเขารักทุกคนทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทั้งนายปิยบุตร หรือแม้แต่นายพิธา ทุกคนที่เคยเป็นองคาพยพในพรรคอนาคตใหม่ แต่ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีความไม่เข้าใจกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องทั่วไป เป็นเรื่องธรรมดาของการเป็นพรรคการเมือง โดยในความเป็นพรรคการเมือง

“ผมยืนยันว่า เราไม่ได้มีความขัดแย้งกันภายในพรรคของเรา ไม่ได้แตกเป็น 2-3 กลุ่ม ที่เรามักจะเห็นในการเมืองที่ผ่านมา แต่วันนี้คงจะมีความเข้าใจไม่ตรงกัน หรืออาจจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรงไปบ้าง ซึ่งเราอาจต้องใช้เวลานี้ในการปรับความเข้าใจ ให้เคลียร์ให้ชัด แต่อย่างไรก็ตามคงไม่ถึงขั้นที่ทำให้พรรคก้าวไกลจะไม่สามารถเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปได้ หรือจะทำให้ส.ส. แบ่งเป็น 2 กลุ่มได้”นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดจะกระทบต่อพรรคหรือไม่ เพราะเคยเกิดกรณีของนายคริส โปตระนันทน์ อดีตว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี  พรรคก.ก. มาก่อนหน้านี้แล้ว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จริงๆกรณีของนายคริสตัดไปได้เลย เพราะตนไม่คิดว่ากรณีของนายคริสจะมีปัญหาอะไร เป็นธรรมดาที่อาจจะมีความเห็นส่วนตัว ที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเรา เขาก็อาจจะเดินออกไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ไม่สามารถโยงกันได้ และแน่นอนว่านายปิยบุตรโพสต์ก่อนหน้านี้เราก็พยายามที่จะปรับ และนำมาเป็นกระจกส่องตนเองเช่นกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางถ้อยคำอาจจะมีความรุนแรง บางครั้งอาจจะขัดต่อความรู้สึกที่เราลงพื้นที่ และย้ำว่าอาจจะเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ถามว่าจะกระทบหรือไม่นั้น ตนยังมองในแง่บวกว่าเป็นแค่การถกเถียงกัน เป็นแค่การพูดคุยกัน แม้จะมีการใช้ถ่อยคำรุนแรงบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับพูดคุยกัน ณ วันนี้ ตนยังไม่เห็นสัญญาณแตกแยกภายในพรรคระยะยาว  

เมื่อถามว่า มีการเคลียร์ใจกันกับนายปิยบุตรแล้วหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนนัด แต่คิดว่าคงเป็นกระบวนการที่เราจะต้องคิดว่าทำอย่างไรต่อ ทั้งนี้ ตนคิดว่าการพูดคุยเป็นทางออก ซึ่งพรรค ก.ก. เป็นพรรคที่เราค่อนข้างเปิดพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น และเมื่อมีความขัดแย้งเราจะคุยกันด้วยเหตุผล 

เมื่อถามว่า ล่าสุดเห็นนายธนาธร โพสต์สนับสนุนนายพิธาและพรรค ก.ก. นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ชัดเจนว่านายธนาธรก็ยังยืนยันว่าพรรคก้าวไกล เป็นคำตอบของสังคม และเป็นพรรคการเมืองที่รับมรดกจากพรรคอนาคตใหม่มาเต็มๆ

“เชื่อว่านายธนาธรยังเป็นเพื่อนที่เดินร่วมทาง แม้อาจจะไม่ใช่รถคันเดียวกัน แต่ปลายทางเดียวกัน ผมยังมั่นใจว่าการต่อสู้ในการเลือกตั้ง หากเรามองสถานการณ์นี้ เรายังมีศัตรูคนเดียวกัน และยังมีเรื่องใหญ่ที่เราต้องเอาชนะให้ได้ เช่น การปิดสวิตช์ 3 ป. ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้ายทายและฉุดรั้งของประเทศเราไว้ ซึ่งผมคิดว่าเราต้องก้าวผ่านความขัดแย้งนี้ให้ได้ และเดินหน้าไปสู่การชนะการเลือกตั้ง รวมถึงช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความเข้มข้นและมีความท้าทายรอเราอยู่แต่เราต้องก้าวผ่าน และประสบความสำเร็จให้ได้”นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า เนื่องจากนายปิยบุตรได้ชวนนายรังสิมันต์ เข้าทำงานการเมือง มีอะไรอยากฝากถึงบ้าง นายรังสิมันต์กล่าวว่า จริงๆคงไม่ได้ฝากถึงใครเฉพาะเจาะจง แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะจากใครก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเป็นส.ส.ปัจจุบัน หัวหน้าพรรค หรืออดีต คิดว่าเราอยู่ในบริบทที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เป็นเรื่องที่เราต้องเอาชนะศัตรูทางการเมืองที่่กัดกินประเทศไทย ซึ่งมีความชัดเจนว่าอย่างไรก็ต้องเอา 3 ป. ออกจากการเมืองให้ได้ ไม่งั้นประเทศที่เข้มแข็งของเราจะพังแน่ๆ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img