วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกHighlight‘รทสช.’ถกสส.26ก.ค.ยันยังไม่ร่วมรัฐบาล ‘ธนกร’เหน็บ‘ก.ก.’ปท.ไม่ใช่เล่นขายของ!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘รทสช.’ถกสส.26ก.ค.ยันยังไม่ร่วมรัฐบาล ‘ธนกร’เหน็บ‘ก.ก.’ปท.ไม่ใช่เล่นขายของ!

ธนกร’เผย‘รวมไทยสร้างชาติ’ประชุมสส.26 ก.ค. ยันยังไม่ร่วมรัฐบาล เหน็บ ‘ก้าวไกล’ ประเทศไม่ใช่เล่นขายของ เปรียบคู่รักแค่หมั้นก็เลิกได้ หากถูกคลุมถุงชน

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงท่าทีพรรครวมไทยสร้างชาติหลังการไปร่วมหารือกับพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ ว่า เป็นไปตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคฯ ได้แสดงจุดยืนและเจตจำนงไปแล้ว ส่วนจะร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น เราต้องมาหารือร่วมกันภายในพรรคฯก่อน โดยพรรคฯจะมีการประชุมสส.ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา 16.00 น. ซึ่งหัวหน้าและเลขาธิการพรรคฯ จะนำผลการหารือกับพรรคเพื่อไทยในเบื้องต้นไปแจ้งให้สส.และกรรมการบริหารพรรคฯได้รับทราบ

เมื่อถามว่า แนวโน้มของ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติในขณะนี้มีความคิดเห็นอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า สส.ของพรรคฯ มีความเป็นเอกภาพ ฉะนั้น การพูดคุยเจรจาใดๆ ถ้ามีเงื่อนไขทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ตนก็คิดว่าสส.ของพรรคฯไม่มีปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากหารือกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ประกาศวางมือทางการเมืองนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดทางให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย เพราะแนวทางที่พล.อ.ประยุทธ์คิดและเปรยไว้ก่อนหน้านี้ว่าหากถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะต้องวางมือ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ทำงานให้ประเทศมากว่า 8-9 ปี จึงถึงเวลาที่เหมาะสมที่ท่านต้องพักผ่อน และหาเวลาไปทำประโยชน์ให้ประเทศในมิติอื่น ซึ่งตนเชื่ออยู่แล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์พร้อมที่จะทำงานให้ประเทศชาติ

เมื่อถามว่า กรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็เป็นหน้าที่ของพรรคที่มีส.ส.มากเป็นอันดับ 3 จัดตั้งรัฐบาล จะถือเป็นการส่งสัญญาณว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่  นายธนกร กล่าวว่า  เป็นไปตามหลักการทั่วไป อย่างไรก็ตาม ตนเห็นใจพรรคเพื่อไทย เพราะดูเหมือนมติของ 8 พรรคร่วมให้ไปแสวงหาคะแนนเพิ่มในแนวทางต่างๆ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยไปแสวงหา แกนนำพรรคก้าวไกลกลับเหน็บแนม และเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่สมาชิกพรรคก้าวไกลก็บุกเข้าไปในที่ทำการพรรคเพื่อไทย และมีการใช้แป้ง ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคก้าวไกลต้องเข้าใจระบอบประชาธิปไตย และควรทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคก้าวไกลที่รักใคร่ชอบพอ เพราะบรรยากาศแบบนี้เหมือนหัวหน้าพรรคก้าวไกลปล่อย เป็นทฤษฎี 2 ขา นำไปสู่ความขัดแย้งในบ้านเมืองอีก แต่ตนยืนยันว่าการชุมนุมต่างๆสามารถทำได้ ซึ่งการชุมนุมที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ จัดขึ้นนั้น ก็ไม่มีปัญหาเพราะทำตามกฎหมาย

“แต่แกนนำจะตั้งรัฐบาลอันดับ 1 คือวันนี้พอเป็นนายกฯไม่ได้ ไม่มีใครเป็นได้แล้วหรือนอกจากคุณพิธา ผมก็ไม่เข้าใจ เพราะที่ผ่านมา หากอันดับ 1 ตั้งไม่ได้ ก็อันดับ 2 ตั้งไป เป็นเรื่องปกติมากในทางการเมือง และที่บอกว่ารอไปสัก 10 เดือนนั้น ผมมองว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว กลไกการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีก็ควรเดินหน้าไป ไม่ควรรอ แม้มีอุปสรรคบ้าง เพราะมันเป็นการเมืองแบบรัฐสภา ซึ่งสามารถแก้ไขได้ ไม่ควรรอถึง 10 เดือน เพราะประเทศเสียหาย และประชาชนเฝ้ารอดูอยู่ และนักธุรกิจก็เฝ้ารอดูอยู่”นายธนกร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา จะทำให้เอ็มโอยู 8 พรรคร่วมล่มหรือไม่ นายธนกร ว่า ตนไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย แต่ตนเห็นบรรยากาศแล้วที่มีการนำแป้งไปโรยนั้น ก็สงสารนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ศีรษะและตัวเลอะแป้ง แต่ตนคิดว่าไม่ควรมีบรรยากาศแบบนี้ เพราะเป็นการเจรจาตามกรอบที่พรรคร่วม 8 พรรค มอบหมายให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งในการเจรจาเบื้องต้นต้องมีการพูดคุยว่าเขาคิดกันอย่างไร โดยยังไม่ได้ไปถึงจุดร่วมรัฐบาล และเมื่อเกิดสถานการณ์อย่างนี้แล้วในอนาคตตนมองว่าก็อาจจะยุ่งยากเหมือนกัน

เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทยควรจะบอกเลิกพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนไม่ขอก้าวล่วงเรื่องนี้ แต่หากพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งได้ ก็ควรเป็นอันดับ 2 แต่ถ้าพรรคอันดับ 2 ไม่ได้ ก็ควรเป็นอันดับ 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองควรเข้าใจ และคิดว่าทุกพรรคที่ได้รับการเชิญไปพูดคุยก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าถูกเชิญไปพูดคุยแล้วจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะอาจเป็นพรรคฝ่ายค้านก็ได้ เราก็ไม่รู้ แต่นี่เป็นการเจรจาในเบื้องต้น

ต่อข้อถามว่า มองอย่างไรในท่าทีของพรรคก้าวไกลที่จะไม่ยอมออกจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายธนกร กล่าวว่า แบบนี้มันเป็นเด็กเกินไปหรือไม่ บ้านเมืองไม่ใช่เด็กเล่นขายของ เหมือนกับคนที่เป็นแฟนกัน แม้หมั้นกันแล้ว ก็เลิกกันได้ เหมือนพ่อแม่คลุมถุงชนมาให้หมั้นกันแล้ว ก็ยังเลิกกันได้เลย เพราะมันไม่ได้รักกันด้วยหัวใจ ฉะนั้นคนที่จะแต่งงานกัน ต้องมีความรักที่ออกมาจากใจ ไม่ใช่รักด้วยสมอง แต่ต้องรักด้วยหัวใจ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img