วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกNEWS“เด็จพี่”เมินเสียง“อดีตผู้ว่าธปท.-นักเศรษฐศาสตร์” เหน็บนั่งยอดปิรามิดมองแค่มิติเดียว มีแต่ความกลัว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เด็จพี่”เมินเสียง“อดีตผู้ว่าธปท.-นักเศรษฐศาสตร์” เหน็บนั่งยอดปิรามิดมองแค่มิติเดียว มีแต่ความกลัว

“เด็จพี่” เมินเสียง “อดีตผู้ว่า ธปท.-นักเศรษฐศาสตร์” เหน็บนั่งยอดปิรามิดมองแค่มิติเดียว ขวางโลกย่ำอยู่กับที่อ้างแต่ความกลัว แนะฟังเสียงปขข. ฟุ้งเชื่อมือ “พท.” ทำสำเร็จหลายเรื่องแล้ว ยก 30 รักษาทุกโรคฝ่าเสียงด่ากันขรม

วันที่ 7 ต.ค.2566 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่วถึงกรณีที่อดีตผู้ว่า ธปท.ร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ยื่น 6 เหตุผลให้ยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป 560,000 ล้านบาท เฉลี่ย 56 ล้านคน โดยระบุว่าจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศนั้นน้อยกว่าต้นทุนที่เสียไปและจะทำให้เสียวินัยการเงินการคลังในระยะยาว ว่านักเศรษฐศาสตร์กลุ่มนี้   อยู่ส่วนบนของยอดปิรามิดทางเศรษฐกิจอาจมองจากมุมเดิมๆ หรือมองแค่มิติเดียว อยากให้สื่อลองไปสอบถามกรณีเงินดิจิทัลจากมุมของประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิคกับวิกฤติเศรษฐกิจ 9 ปีที่ผ่านมากันดูบ้างว่าคิดเห็นอย่างไรกับเงินดิจิทัลที่รัฐบาลจะแจก จะมองจากมุมนี้หรือดาวไหนก็เห็นว่าประชาชนชักหน้าไม่ถึงหลัง ยากจนเป็นหนี้กันทั่วหน้า เอสเอ็มอีล้มหายตายจากถูกฟ้องดำเนินคดีกันมากมาย จะผิดอะไรถ้ารัฐบาลจะช่วยประชาชนให้ฟื้นตัว มันก็ต้องกระตุ้นที่หัวใจ รดน้ำที่ราก เติมเงินให้ประชาชน กระตุ้นการบริโภค กระตุ้นการผลิตครั้งใหญ่ สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน คนมีเงินก็จะกล้าเอาเงินมาลงทุน เพราะจะเกิดการจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้น เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว การทำโครงการขนาดใหญ่วันนี้ตนเชื่อว่าน่าจะยังไม่ทันกับงบประมาณปี 67 เพราะตั้งรัฐบาลช้า การจัดทำงบประมาณล่าช้าเกือบครึ่งปี

“ถ้าคิดแบบเดิมๆ เหมือนที่อดีตผู้ว่าฯธปท.และนักเศรษฐศาสตร์แนะนำก็จะได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม ผมไม่อยากให้ขวางโลกหรือย่ำอยู่กับที่ เหมือนตอนที่ท่านเป็นผู้ว่า ธปท.ในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น ซึมยาวเหมือนคนป่วยหนักมาถึงทุกวันนี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งภาระที่รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะต้องแก้ไข ผมเชื่อว่า เพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็น เคยทำสำเร็จมาแล้วหลายครั้งหลายหน ในอดีตการคิดนอกกรอบ การมีนโยบายใหม่ วิธีการใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ประชาชนก็เคยเห็นกันมาแล้ว โครงการใหม่ๆ ในขณะนั้น เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน 76,000 ล้านบาท ตอนนั้นก็ถูกคัดค้านติติง บ้างก็ล้อเลียนว่าตายทุกโรค อ้างทำไม่ได้เอาเงินมาจากไหน แล้วสุดท้ายเป็นยังไง สำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ ได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลกก็ตั้งมากมาย จะผ่านมาหลายรัฐบาลประชาชนก็ยังใช้กันอยู่ การติเพื่อก่อ ผมเชื่อว่ารัฐบาลเพื่อไทยยินดีรับฟัง แต่ถ้าอ้างว่าเป็นห่วงแต่แฝงวาระซ่อนเร้นจะทำให้ประชาชนและประเทศชาติเสียหาย เสียโอกาสในการฟื้นเศรษฐกิจ ก็ในเมื่อโลกมันเปลี่ยนเราก็ต้องรู้จักปรับ อ้างกลัวโน้นนี้นั้น แล้วจะเดินต่อกันยังไง ก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ผมเชื่อวันนี้ประชาชนรอดูรอพิสูจน์ผลงาน ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยทำดีคิดถูกก็จะสนับสนุน แต่ถ้าทำผิดทำพลาด เกิดความเสียหาย ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า”นายพร้อมพงศ์ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img