วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกHighlight“วิโรจน์”ดักคอซื้อเวลา“ปฏิรูปกองทัพ” นายกฯผิดหวัง“ฝ่ายค้าน”ไม่มีอะไรใหม่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“วิโรจน์”ดักคอซื้อเวลา“ปฏิรูปกองทัพ” นายกฯผิดหวัง“ฝ่ายค้าน”ไม่มีอะไรใหม่

”วิโรจน์”ดักคอรัฐบาล เอานโยบายยุคประยุทธ์มาปัดฝุ่น เคลมผลงานซื้อเวลาปฏิรูปกองทัพ จวกตัดงบซื้อเรือฟริเกต เหมือนตัดโอกาสประเทศ ขณะที่ “นายกฯ” ผิดหวังฝ่ายค้านฟัง 40 นาทีไม่มีอะไรใหม่ น้ำทั้งนั้น อย่าใช้วาทกรรมด้อยค่า

วันที่ 4 เม.ย.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152

ต่อมาเวลา 10.05 น.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า นโยบายรัฐบาลการปฏิรูปกองทัพนายกฯเคยให้คำสัญญาไว้ว่า จะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารให้เป็นรูปแบบสมัครใจ จะลดจำนวนนายพลลง และลดการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงจะเอาพื้นที่ที่เกินจำเป็นของกองทัพมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นแค่การสมยอมกับกองทัพ เพื่อปรุงแต่ง ตบตาประชาชน นโยบายที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทำแล้ว ทำอยู่ มาทำต่อ แล้วใช้คำโฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อว่า นี่คือการปฏิรูปกองทัพแล้ว แม้รัฐบาลจะอ้างถึงยอดสมัครทหารออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อนำมารวมกับยอดสมัครแบบวอล์กอิน แล้ว กลับมีแนวโน้มลดลง ส่วนการลดจำนวนความต้องการกำลังพลนั้นก็ไม่มีอะไรใหม่ แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯทำอยู่แล้ว คือการบรรจุกำลังพล 70% ของความต้องการจริง การลดกำลังพลแบบต้วมเตี้ยมเช่นนี้ เป็นเพียงการซื้อเวลาการปฏิรูปกองทัพออกไป

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า จริงโรงเรียนเตรียมทหารรับนักเรียนลดลงอยู่แล้ว 150 คนต่อรุ่นอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ควรฉกฉวยจำนวนดังกล่าวมาเคลมเป็นผลงาน เช่นเดียวกับโครงการ Early Retire ที่ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ตั้งแต่ปี 2563 สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แบบตั้งคำถามว่าหากโครงการนี้สำเร็จงบประมาณของกองทัพจะลดลงหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ดินราชพัสดุ 12 ล้านไร่ ถูกครอบครองโดยกองทัพถึง 6.25 ล้านไร่ มีที่ดินรกร้างหรือใช้ประโยชน์ไม่เต็มประสิทธิภาพ ที่ดินบางส่วนนำไปใช้ทำสวัสดิการธุรกิจ ทั้งสนามกอล์ฟ สถานพักตากอากาศ สนามมวย โดยไม่มีความโปร่งใส และกิจการของผู้กองทัพมีกำไรเพียงน้อยนิด

ขณะที่ภาคเกษตรกำลังขาดที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง รัฐบาลเศรษฐาตั้งโครงการนำที่ดินของกองทัพมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์ โดยตั้งชื่อว่า โครงการรัฐเอื้อราษฎร์ หรือ หนองวัวซอโมเดล แต่แท้จริงไม่ใช่โครงการใหม่ แต่ทำมาตั้งแต่ 2547 แทนที่รัฐบาลจะเร่งพิสูจน์สิทธิ์ให้ประชาชนที่ยืนยันว่าครอบครองที่ดินมาก่อนจะมีกฎหมายต่างๆ ด้วยซ้ำ กลับเอาโครงการเก่ามาปัดฝุ่นเปลี่ยนชื่อ แล้วบีบให้ประชาชนมาเช่าที่ดิน

“ควรพอได้แล้วกับการนำภาษีของประชาชน ไปแลกอาวุธมาดื้อๆ แต่รัฐบาลควรมีข้อแลกเปลี่ยน หรือชดเชยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชน แต่เรือฟริเกต วงเงิน 1.7 หมื่นล้าน ที่กองทัพเรือขอจัดซื้อแต่ถูกตัดงบทิ้ง ทั้งที่เรือฟริเกตมีความจำเป็นในการคุ้มครองความมั่นคงทางทะเลมาก แล้วเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านตอนนี้กองทัพเรือของไทยมีประสิทธิภาพต่ำกว่าที่ควร การตัดงบประมาณเรือฟริเกตลำนี้ เป็นการตัดโอกาสการพัฒนาของประเทศ ตัดโอกาสด้านวิศวกรรมการต่อเรือของคนไทย แล้วกว่างบประมาณก้อนนี้จะเข้ามาใหม่ได้ ผมตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานก็ยังไม่พบ เป็นไปได้ว่างบประมาณปี 2568 ก็อาจจะยังไม่ทัน เข้าอีกทีก็ปี 2569 เพราะงบประมาณรายการการก่อหนี้ผูกพันวงเงินเกินตั้งแต่พันล้านขึ้นไปต้องผ่านหลายขั้นตอน” นายวิโรจน์กล่าว


ต่อมาเวลา 10.48 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ชี้แจงว่า ตนมาฟังฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของกองทัพ กระทรวงกลาโหม จริงๆก็เรื่องเดิม ๆผิดหวังนิดหน่อย มีแต่น้ำๆทั้งนั้น ยืนยันกองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง เรื่องวาทกรรมด้อยค่าต่าง ๆภาพพลักษณ์ตกต่ำ ใช้ไอโอดำมือลึกล้ำ ล้ำลึก ต่างๆเหล่านี้ให้เวลารัฐบาลบริหารให้ครบ 4 ปี จริงๆแล้วประชาชนจะตระหนักดีตอนจบคนที่ใช้ไอโอ คนที่พยายามครอบงำให้คนหน้ามือตามัวจริงๆแล้วคือใคร เรื่องของรมว.กลาโหมพยายามที่จะทำอยู่ปัจจุบันมีการพัฒนาร่วมกัน เชื่อว่าตลอด 7 เดือนมีการพัฒนาที่ดีขึ้น ก็ให้เวลาสักพักก็จะเห็นผลงานที่เราพยายามทำต่อเนื่อง

“เรื่องเงินทอนพูดมาหลายหน ผมก็บอกแล้วถ้ามีเงินทอนก็เอาหลักฐานมา และเรื่องเรือฟริเกตที่ท่านเชียร์กันเหลือเกินถ้าผมพูดกลับไปว่าท่านก็มีเงินทอน ท่านก็ไม่พอใจ อยากให้เอาหลักฐานมาพูดกันดีกว่า เพราะเรื่องนี้ยังไม่จบ ต้องมีการสนับสนุนให้ต่อเรือในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ดี และถูกต้อง และมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายๆอย่าง มีหลายมิติ และพยายามพูดคุยกันอยู่เพื่อให้กองทัพได้ของที่ดีที่สุด ผมฟังมา 40 นาทีก็ยังเป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่เหมือนกัน พวกท่านเคยพูดเอาเรือประมงมาแทนเรือรบต่าง ๆแต่วันนี้จะสนับสนุนให้ซื้อเรือรบอีก มุนงงมาก เป็นเรื่องวาทกรรม เรามาพูดเรื่องเนื้องานดีกว่า พยายามที่จะพัฒนาต่อไป เรื่องการซื้ออาวุธก็จะทำให้โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆที่จะได้จากการซื้ออาวุธด้วย ยืนยันว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ”นายกฯ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img