เปิดตัว “ดวงฤทธิ์ บุนนาค” แกนนำกลุ่ม CARE สนิทกับเจ้าของ “แอคแคป” ที่มโนเรื่อง “ซิโนฟาร์ม” 20 ล้านโดส หลังขุดพบทวิตเตอร์เมื่อต้นเดือนพ.ค. แต่วันนี้ออกมาตัดพ้อ หลังเอกสารหลุดว่อนโซเชียล ยืนยันไม่ได้เป็นคนนำมาปล่อย เชื่อเอกสารหลุดจาก “ฝั่งแพทย์” พร้อมอุ้มบริษัทฯแค่ต้องการช่วยประเทศ
จากกรณีมีเอกสารจาก บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด (ACCAP ASSETS) เผยแพร่ทางโลกโซเชียล ระบุว่า มีวัคซีนของ “ซิโนฟาร์ม” จำนวน 20 ล้านโด๊ส เสนอให้รัฐบาลไทย แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ไม่ให้เข้าพบ จึงได้ไปเสนอขายให้กับ “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” จน ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ยังต้องออกมาปฏิเสธ และคงไม่ให้เข้าพบเช่นกัน
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบในโลกโซเชียล พบว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ @DuangritBunnag ของนายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง และแกนนำกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ได้โพสต์ข้อความว่า…“รุ่นน้องที่รู้จักกัน พยายามนำวัคซีน Sinopham เข้ามา 20 ล้านโดสให้รัฐบาล นำเข้าได้ภายใน 2 สัปดาห์ ติดต่อใครดีครับ #ศบค ตอนนี้ประสานไปที่คนของรัฐบาลทุกช่องทางแล้ว มันถามหาผลประโยชน์ตอบแทนกันก่อนหมดเลย”
ทั้งนี้หลังจากเกิดกรณีการออกมาปฏิเสธ ไม่ขอรับการติดต่อจากบริษัท แอคแคปฯจากหลายฝ่ายแล้วนั้น ในเช้าวันนี้ (28 พ.ค.) นายดวงฤทธิ์ บุนนาค แสดงความเห็นทางทวิตเตอร์ ระบุว่า…“ถ้าคุณเป็นรัฐบาล มีคนมาเสนอตัวว่าหาวัคซีนได้ 20 ล้านโดส คุณจะด่าเขาว่าหลอกลวง หรือเรียกเขามาคุยหาช่องทางเอาวัคซีนเข้ามาด้วยกันล่ะครับ ผมล่ะงงกับวิธีคิดจริงๆ
มันคือเวลาที่เราต้องช่วยกันคนล่ะไม้คนล่ะมือ ไม่ใช่หรือครับ มันไม่ใช่อาชีพเขา แต่เขาก็แค่อยากช่วย ต้องด่ากันราวกับเขาไปโกงใครมา ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ไปหามา คงมีแต่คนสรรเสริญ
ถ้าเป้าหมายเรื่องนี้ของทุกคนเหมือนกัน คือทำให้คนไทยต้องได้วัคซีนครบเร็วที่สุด เรื่องราวก็คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้หรอกครับ ตอนนี้ชัดเจนสำหรับผมแล้วว่า มันไม่ใช่เป้าหมายเดียวกันกับทุกฝ่ายที่ดูแลรัฐไทยอยู่ตอนนี้ ในการที่ทำให้คนไทยได้วัคซีนโดยทั่วกัน
ผมก็คิดแล้วว่าไม่ควรต้องมาเป็นห่วงที่จะช่วยเหลือประเทศเลย ในขณะที่บริบทของประเทศในฝั่งที่มีอำนาจปกครองยังมีแนวคิดที่มีอคติกับประชาชนเห็นประชาชนเป็นศัตรูก่อนจะเห็นเป็นมิตร เสียใจมากนะครับ ที่โดนด่า ผมว่าใครก็เป็น ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวคงเข้าใจได้ แต่คิดถึงอนาคตประเทศแล้วก็น้ำตาจะไหล
เอกสารที่ถูกนำออกมาเผยแพร่ ก็ไม่ใช่บริษัทเขาหรือผมที่นำออกมาเผยแพร่ เป็นเอกสารที่หลุดมาจากทางฝั่งแพทย์ด้วยกันเอง บริษัทเขาก็ไม่ได้เจตนาจะ go public เรื่องนี้เลย ผมเองก็รู้จักกัน เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ เลยพยายามช่วย ในช่วงวิกฤตินะครับ ทั้งสองคนนี่ก็ไม่ได้คิดจะขายของเลย
เอาเป็นว่า ถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ ก็ติดต่อบริษัทเขาไปก็แล้วกัน ไม่เห็นประโยชน์หรือขัดประโยชน์ตน ก็ไม่ต้องไปด่าเขามาก ผมสงสารเขานะครับ พวกเราก็แค่นักธุรกิจเล็กๆที่เห็นช่องทางจะช่วยกันได้ ถ้าประเทศไม่อยากให้เราช่วย เราก็จะกลับไปทำมาหากินของเราต่อไปครับ อยู่กันไปแบบนี้ก็แล้วกัน”
