“มท.1” เผย “นายกฯลุงตู่” สั่งเพิ่ม “รพ.สนาม” เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด เผยรัฐบาลเร่งเจรจาจัดซื้อวัคซีนอย่างสุดความสามารถ แต่ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตด้วย โยน “ศบค.” เคาะล็อคดาวน์กรุงเทพฯ วอนปชช.การ์ดอย่าตก เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา อย่าจ้องจับผิดโทษจนท.หรือโทษกันไปมา
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.64 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.1) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะ “ผอ.ศบค.” กำชับระบบการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ต้องให้เพียงพอ ขณะนี้ผู้เกี่ยวข้องกำลังเพิ่มโรงพยาบาลสนาม รวมทั้งพิจารณาย้ายผู้ป่วยเดิมไปเป็นสถานะสีเขียว เพื่อเตรียมเตียงไว้สำหรับผู้ป่วย สีเหลือง และสีแดง ภายใต้เป้าหมายการควบคุมไม่ให้เกิดการระบาด
“นายกฯรับทราบข้อเรียกร้องของสังคมที่ต้องการให้นายกฯเป็นผู้เจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างประเทศโดยตรง แต่ต้องยอมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และวัคซีนในต่างประเทศทั่วโลกว่า แต่ละประเทศก็มีความต้องการวัคซีนที่รวดเร็วและแต่ละบริษัทได้ทำพันธสัญญาไว้ ซึ่งทางรัฐบาลไทย ได้ดำเนินการเร่งและพยายามทุกวิธีทางเพื่อเจรจาให้ได้วัคซีนเพียงพอและรวดเร็ว แต่จะได้แค่ไหนต้องอยู่ที่บริษัทผู้ผลิตด้วย” พล.อ.อนุพงษ์กล่าวและว่า ส่วนแนวทางการล็อคดาวน์กรุงเทพฯนั้น ยอมรับว่า ศบค.กำลังพิจารณาข้อดี-ข้อเสียเรื่องนี้อย่างละเอียด ซึ่งข้อมูลและแนวทางการแก้ไขการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่า ทุกพื้นที่ท้องถิ่นและปกครองมีความเข้มแข็งในการกักตัวและควบคุมดูแลคนที่เดินทางจากกรุงเทพฯและพื้นที่เสี่ยงเมื่อกลับบ้านต่างจังหวัด แต่การล็อคดาวน์กรุงเทพฯปฎิเสธไม่ได้ว่าจะสามารถลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้แน่นอน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเตียงไม่พอ เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดและติดโควิด-19 ก็จะมีเตียงและการรักษาพยาบาลรองรับเพียงพอในแต่ละพื้นที่
“ขอประชาชนการ์ดอย่าตก ดูแลตัวเองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อได้ฉีดวัคซีนครอบคลุม ก็จะสามารถช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น ขณะนี้เป็นเวลาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันมองปัญหาและหาแนวทางแก้ไขช่วยกัน ไม่ใช่โทษกันหรือจับผิดเจ้าหน้าที่ที่มีความตั้งใจและพยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
