วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
หน้าแรกNEWS"อรรถวิชช์"รับซ่อมหลักสี่เดิมพันสูง ลั่นไม่กลัวช้ำขอสู้แบบบ้าบิ่น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อรรถวิชช์”รับซ่อมหลักสี่เดิมพันสูง ลั่นไม่กลัวช้ำขอสู้แบบบ้าบิ่น

“กรณ์” ฝันปักธงเลือกตั้งซ่อมกทม. ส่วนชุมพรยังเบียดๆ แต่ สงขลาสุดเขี้ยว ชี้พรรคกล้าทำงานยากมาก ด้าน “อรรถวิชช์”ยอมรับเสี่ยงเดิมพันสูงหากแพ้มาสะเทือนแน่ ลั่นไม่กลัวช้ำขอสู้แบบบ้าบิ่น -รู้จักพื้นที่ดี พร้อมเป็นทางเลือกดีที่สุดให้ปชช.-เปลี่ยนการเมืองแบบเดิมๆ

วันที่ 7 ม.ค.65 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม 3 เขตทั้ง กทม. ชุมพร และสงขลา ว่า พูดตามตรง โอกาสสูงสุดอยู่ที่การเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่กทม. ขณะที่พื้นที่จ.ชุมพร กำลังลุ้นอย่างสูสี ระหว่าง3พรรค คือพรรคกล้า พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่จ.สงขลา ถือว่ากระแสตอบรับเราดีมาก แต่เป็นที่ทราบกันในปัจจุบันจ.สงขลา เป็นการแข่งขันกันในอีกมิติหนึ่ง ที่ทำให้พรรคเราที่ไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีการซื้อเสียง ทำงานยากมาก

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ฉะนั้นโดยรวมเราคาดหวังสูง จากการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต อย่างน้อยที่สุดจะทำให้ประชาชนได้รู้จักและเข้าใจพรรคกล้า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพรรคใหม่ที่จะต้องทำให้ได้มากที่สุด ใช้ทุกเวทีทุกโอกาสในการแนะนำตัว แนะนำวิธีคิดวิธีการทำงานให้ประชาชนในมุมกว้างมากขึ้นเรื่อยๆก่อนจะถึงการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งความต่างของการเลือกตั้งซ่อมเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งใหญ่คือการไม่ได้เปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการตัดสินใจของผู้ใช้สิทธิ์ จะมีมิติที่แตกต่างจากการเลือกตั้งใหญ่แน่นอน แต่คิดว่าจะเป็นสัญญาณบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนที่ดีได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งต้องรอดูอีก 9 วันก็จะรู้ผลการเลือกตั้งซ่อมที่จ.ชุมพรและสงขลา

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า เมื่อมีการเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ยุทศาสตร์ของเราก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วย ยอมรับว่าระบบเลือกตั้งมีความสำคัญกับพรรคเรามาก การใช้บัตรสองใบเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับเรา ดังนั้นเราจะต้องเน้นในเขตที่เรามีโอกาสชนะมากกว่า แต่ประชาชนก็มีโอกาสที่จะเลือกพรรคกล้าในแบบบัญชีรายชื่อได้ในทุกเขตเช่นกัน

ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 กล่าวว่า การตัดสินใจลงเลือกตั้งครั้งนี้ ยอมรับว่าเสี่ยงกับผลเลือกตั้งที่จะออกมา แต่เมื่อได้หารือกันในพรรค และส่วนตัวคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว คิดว่าตนเองมีความชำนาญในพื้นที่นี้ดีที่สุด จึงตัดสินในเดินหน้าลุย แน่นอนว่าหากการเลือกตั้งครั้งนี้เดิมพันสูง หากตนเองแพ้ก็ย่อมมีผลสะเทือนใหญ่ในทางการเมือง แต่ก็หนีไม่ได้ ด้วยความที่เราเป็นพรรคกล้า มีความบ้าบิ่นอยู่พอสมควร จึงต้องมีความกล้า และคิดอยู่อย่างเดียวว่าเราต้องเสนอตัวเองเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ต้องทำให้เราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่หลักสี่และจตุจักร

“เราเป็นพรรคใหม่ดังนั้นพรรคต้องมีดีเอ็นเอ มีความเป็นอินเนอร์ถึงจะอยู่ได้ เพราะเราไม่ได้สร้างพรรคด้วยการไปซื้อตัว เหมือนทีมฟุตบอล ผมหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะฉีกและเปลี่ยนมิติการเมืองแบบเดิมๆ ถามว่าเป็นเลขาธิการมาลงเลือกตั้งแพ้แล้วกลัวช้ำหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่กลัวช้ำ ผมเองเหมือนเริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องคิดว่าเคยเป็นอดีตส.ส.มาสองสมัย แต่ผมเองมีทีมงานครบ ลงพื้นที่มาโดยตลอดรู้จักพื้นที่หลักสี่จตุจักดี หวังว่าประชาชนจะเป็นเราเป็นทางเลือกที่ดีและเปลี่ยนการเมืองแบเดิมๆ” นายอรรถวิชช์ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img