วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกNEWSกมธ.งบฯรุมซักกรมการค้าภายใน แก้“ปุ๋ย-น้ำมันปาล์ม”แพง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กมธ.งบฯรุมซักกรมการค้าภายใน แก้“ปุ๋ย-น้ำมันปาล์ม”แพง

กมธ.งบฯรุมซักกรมการค้าภายในเร่งแก้ “ปุ๋ย-น้ำมันปาล์ม” แพง ซัดอย่าโยนบาปให้ ก.พลังงานอย่างเดียว แนะรมว.พณ.สางปัญหาด่วน

วันที่ 28 มิ.ย. 65 ที่รัฐสภา นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 แถลงผลการประชุมกมธ.ฯว่า ในส่วนงบประมาณของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มีการตั้งงบประมาณจำนวน 911,222,500 บาท โดยที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับปัญหาราคาสินค้าโดยเฉพาะปุ๋ยที่มีราคาแพงขึ้นจนกระทบกับต้นทุนการผลิตสินค้าทางการเกษตร ทั้งนี้กมธ.ฯ บางคนได้สอบถามว่า จากปัญหาดังกล่าวมีแนวทางแก้ไขอย่างไร เพราะในแต่ละปีประเทศไทยต้องใช้ปุ๋ยเพื่อทำการเกษตรถึง 100 ล้านกระสอบ แต่ราคาปุ๋ยปัจจุบันสูงขึ้นจาก 800 บาท เป็นประมาณ 2,000 บาท แล้ว ทำให้เกษตรกร ไม่มีเงินเพียงพอที่จะใช้ซื้อปุ๋ย บางคนถึงขั้นต้องกู้เงินนอกระบบมาซื้อปุ๋ย จากปัญหาดังกล่าว มีกมธ.ฯบางคน ให้ข้อเสนอแนะว่า หน่วยงานอาจประสาน ให้กระทรวงการคลังออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้เกษตรกรมีเงินไปซื้อปุ๋ย หรืออาจให้รัฐบาล ช่วยอุดหนุนปุ๋ยให้เกษตรกรครัวเรือนละ 5 กระสอบต่อปี เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน

นายสัณหพจน์ กล่าวว่า ผู้แทนของกรมการค้าภายในชี้แจงว่า เบื้องต้นหน่วยงานได้จัดทำโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีในราคาถูกเพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงได้ อย่างไรก็ตามสำนักงบประมาณ มีความเห็นว่า การช่วยเหลือเรื่องปุ๋ยเคมีเป็นการช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิต ซึ่งเป็นภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนั้นหน่วยงานจึงได้ประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรับไปดำเนินการช่วยเหลือให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยเคมีในราคาที่ถูกลงเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ประเทศไทยนำเข้าปุ๋ยจากจีน,แคนาดา และรัสเซีย โดยราคาปุ๋ยในตลาดโลกได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะค่าขนส่งทางเรือปรับสูงขึ้นจึงส่งผลต่อต้นทุนการขนส่ง นอกจากนี้ ประเทศจีนยังมีนโยบายห้ามส่งออกปุ๋ยเพราะต้องการเก็บปุ๋ยไว้ใช้ในประเทศ และภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้เรือขนส่งไม่สามารถ เข้าไปรับสินค้าได้ ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาเรื่องปุ๋ยเคมีจะต้องพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ ปริมาณปุ๋ยเคมีต้องมีเพียงพอไม่ขาดแคลน และเกษตรกรได้รับผลกระทบด้านราคาน้อยที่สุด

“วันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในเจอกฐินเยอะ มีกมธ.ฯหลายคนถาม เพราะเป็นส่วนงานที่มีผลต่อการค้าและเกษตรกรรม อันจะส่งผลต่อผลกระทบเรื่องอื่นๆ ดังนั้นจึงอย่าเพิ่งโยนบาปไปให้ในส่วนพลังงานอย่างเดียว และรมว.พาณิชย์ต้องเดินให้ถึง ไม่เช่นนั้นจะไม่รู้ความจริง” นายสัณหพจน์ กล่าว

นายสัณหพจน์ กล่าวว่า นอกจากราคาปุ๋ยแพงแล้ว ยังมีสินค้าทางการเกษตรอีกหลายชนิดที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น เช่น ปาล์มน้ำมัน ซึ่งนำมาใช้ในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันสำหรับประกอบอาหาร มีกมธ.บางคนได้สอบถามว่า ประชาชนสอบถามมาจำนวนมากว่า น้ำมันปาล์มขวดราคาเพิ่มขึ้นไปถึงลิตรละ 70 บาท แล้ว เกษตรกรอาจได้รับประโยชน์จากราคาผลปาล์มเพิ่มสูงขึ้น แต่ประชาชนซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันปาล์มอาจได้รับผลกระทบ ด้วยเหตุนี้จึงต้องสอบถามหน่วยงานว่า มีแนวทางหรือกลไกอย่างไร เพื่อสมดุลประโยชน์ ให้เกษตรกรอยู่ได้ และผู้บริโภคไม่เดือดร้อน โดยผู้แทนกรมการค้าฯชี้แจงว่า หน่วยงานให้ความสำคัญว่า จะทำอย่างไรให้ เกษตรกรได้ประโยชน์มากที่สุด และประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่มีผลผลิตน้ำมันปาล์มมหาศาล เคยประกาศว่าจะจำกัดการส่งออกน้ำมันปาล์ม แต่ปัจจุบันได้กลับมาส่งออกน้ำมันปาล์มแล้ว หรือประเทศมาเลเซีย มีนโยบายที่จะผลักดันการส่งออกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานได้ตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มขึ้นมา ซึ่งมีผู้แทนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการทุกภาคส่วนมาร่วมกันพิจารณาให้ เห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์เป็นระยะ

นายสัณหพจน์ กล่าวว่า กมธ.ฯยังเสนอความเห็นในส่วนเรื่องการชั่งตวงวัดสินค้าทางการเกษตรว่า ควรจะมีตัวแทนของผู้นำท้องถิ่นและเกษตรกร เข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อตรวจเช็คความแม่นยำ และเสนอให้เครื่องชั่งตำบลละ 1 ตราชั่ง เพื่อใช้ส่วนกลาง ส่วนเรื่องข้าว ทางกมธ.ฯระบุว่า ชาวบ้านและเกษตรกร ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการทำเป็นขบวนการกำหนดราคาขึ้นลงหรือไม่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img