วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกHighlight“โอมิครอนBA.4และBA.5”ระบาดหนัก เผยแนวโน้ม“ติดเชื้อเร็ว-รุนแรงมากขึ้น”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“โอมิครอนBA.4และBA.5”ระบาดหนัก เผยแนวโน้ม“ติดเชื้อเร็ว-รุนแรงมากขึ้น”

กรมวิทย์ฯเผยโอมิครอนพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 แซงรุกระบาดในไทย พบมากในกทม. ตรวจความรุนแรง เพิ่มจาก BA.1 และ BA.2 พร้อมเผยผลตรวจภูมิคุ้มกันวัคซีน 3 เข็ม ลดลงทุกสูตร แต่ป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 65 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โรคโควิด -19 ที่ระบาดในประเทศไทย ว่า ขณะนี้สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย แซง สายพันธุ์ย่อย BA.1 และ BA.2 แล้ว กราฟแนวโน้มเห็นชัดเจนว่าวันนี้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศเกือบ 100% เป็นสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 โดยภาพรวมในประเทศไทยอยู่ที่ 68% แต่เมื่อแยกเป็นพื้นที่พบว่ากทม. มี BA.4 และ BA.5 ประมาณ 80 % ต่างจังหวัด 60% ทั้งนี้กราฟจะขึ้นเรื่อยๆ เทียบ BA.1 และ BA.2 เร็วกว่าชัดเจน สอดคล้องกับที่เรสเจอคนป่วยมากขึ้นระยะนี้

ทั้งนี้ เมื่อมีการตรวจรหัสพันธุกรรมทั้งตัว พบว่าสัดส่วนของ BA.5 มากกว่า BA.4 ประมาณ 3 ต่อ 1 คือ 75 : 25 เมื่อตรวจกลุ่มอาการรุนแรง สัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 16-22 ก.ค. พบว่า กทม.ตรวจ 122 คน กลุ่มไม่รุนแรง เจอ 77% ส่วนการตรวจคนอาการรุนแรง คือ ปอดบวม ใสท่อช่วยหายใจ และคนเสียชีวิต 54 ราย เจอ BA.4 และ BA.5 ประมาณ 87% ขณะที่ต่างจังหวัด ผลตรวจกลุ่มอาการไม่รุนแรง เจอ 55% อาการรุนแรง อยู่ที่ 73% ดังนั้นอนุมานเบื้องต้นว่า BA.4 และ BA.5 แรงกว่า

“บอกไม่ได้ว่า BA.4 และ BA.5 ทำให้อาการรุนแรงกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นการตรวจเทียบระหว่างเชื้อ BA.1 และ BA.2 กับเชื้อ BA.4 และ BA.5 ต่างกันประมาณ 10 % เช่น ติดเชื้อเดิม BA.2 จำนวน 100 คน โอกาสเจอคนอาการรุนแรง 3 คน พอเจอ BA.5 อาจจะเจอคนอาการรุนแรง 3 คนนิดๆ เพราะฉะนั้นไม่ได้มีความรุนแรงแตกต่างกันมากมาย แต่การติดเชื้อเร็วขึ้น ทำให้คนติดเชื้อมากขึ้น ก็อาจจะทำให้อาการรุนแรงเพิ่มขึ้น” นพ.ศุภกิจ กล่าว

นอกจากนี้จากการการทดสอบสายพันธุ์ BA.5 มาสู้กับภูมิคุ้มกันใจห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 พบว่าสูตรวัคซีนซิโนแวค 3 เข็ม แอสตร้าเซเนก้า 1 เข็ม ภูมิหล่นลงมาจาก 203 ไตเตอร์ เหลือ 89 ไตเตอร์ สูตรซิโนแวค 2 เข็ม บวกไฟเซอร์ 1 เข็ม ลดจาก 345 ไตเตอร์ เหลือ 153 ไตเตอร์ สูตร แอสตร้า 2 เข็ม บวกไฟเซอร์ 1 เข็ม ลดจาก 226 ไตเตอร์ เหลือ 86 ไตเตอร์ และสูตรซิโนแวค 1 เข็ม บวกแอสตร้า 2 เข็ม (หรือสูตรไขว้) ลดจาก 84 ไตเตอร์เหลือ 43 ไตเตอร์

โดยสรุป BA.5 หลบภูมิฯ ที่เกิดจากวัคซีนได้ดีกว่า BA .2 แต่โดยระบบพื้นฐานหากไตเตอร์ขึ้น 1 ต่อ 10 หรือ หากมีการเจือจาง 10 เท่าแล้วยังจัดการได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าป้องกันโรคได้ตามสมควร ดังนั้นทุกสูตรวัคซีน ที่ฉีด 3 เข็มแล้ว เกิด 10 ไปพอสมควร เพราฉะนั้นคนที่ฉีด 3 เข็ม ในเวลายังไม่นาน ยังใช้ป้องกันโรคได้ตามสมควร ส่วนการป้องกันอาการหนัก และเสียชีวิตนั้นช่วยได้อยู่แล้ว ทั้งนี้เรารู้ว่าทุกสูตรหลังฉีด 3 เดือน ภูมิจะค่อยๆ ลดระดับลง ดังนั้นหากฉีดเข็มสุดท้ายนานแล้วโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ก็ขอให้ไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกัน

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ส่วน BA.2.75 ซึ่งมีการกลายพันธุ์และจับกับเซลล์ปอดมากขึ้น มีแนวโน้มหลบภูมิคุ้มกัน ต้องเฝ้าระวัง และจะมีการเพาะเชื้อต่อไป ตอนนี้ยังพบการติดเชื้อยืนยัน 1 ราย อาจจะมีมากกว่านี้ แต่รายนี้ตรวจได้จากการสุ่มตรวจพันธุกรรมทั้งตัว วันนี้ใครตรวจพันธุกรรมทั้งตัวแล้วไม่เข้ากับสายพันธ์ BA.4 และ BA.5 ก็ต้องตรวจสายพันธุ์ต่อไป คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์จะสามารถจัดทำน้ำยาเฉพาะเพื่อให้ต่างจังหวัดสามารถตรวจสายพันธุ์ได้เอง

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img