จำได้ว่า ตอน “บิ๊กตู่” นำคณะเข้ายึดอำนาจ ประกาศจะปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องคอร์รัปชั่น ประชาชนต่างพากันโมทนาสาธุการกันถ้วนหน้า ลืมเรื่องการล้มล้างประชาธิปไตยไปอย่างสิ้นเชิง
แถมยังประกาศด้วยว่า จะบริหารประเทศชาติด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต เพราะความซื่อสัตย์สุจริตจะเป็นเกราะกำบังให้อยู่รอดปลอดภัย
“บิ๊กตู่” เดินหน้าตั้งคณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในสภาปฏิรูแห่งชาติและสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ คณะกรรมาธิการชุดนี้ผลักดันจนมีการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อยกระดับการปราบทุจริตนั่นเอง
ผ่านไป 4 ปีเศษ รัฐบาลเผด็จการอยู่รอดปลอดภัย กระทั่งมีการเลือกตั้ง ประเทศไทยกลับคืนสู่ระบอบประชาธิไตย “บิ๊กตู่่”กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ แต่คราวนี้ไม่เหมือนก่อน
เพราะเห็นรัฐมนตรีหลายคนถือจานร่อนไปตักโน่นนี่นั่น โดยไม่มีใครสนใจใคร สะท้อนภาพ “บุพเฟ่ต์คาร์บิเน็ต” ได้อย่างกระจ่างชัด แต่ “บิ๊กตู่” กลับไม่กล้าแตะ ได้แต่นั่งอมทุกข์อยู่ที่หัวโต๊ะประชุม ครม.อยู่เพียงคนเดียว
ประชาชนไม่รู้หรอกว่า ”บิ๊กตู่”ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นขนาดไหน รู้แต่เพียงว่า ถ้าปล่อยให้นักการเมืองทุจริตไปเรื่อย ๆ ประชาธิปไตยแบบโกง ๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเผด็จการ
ล่าสุดเกิดข่าวอื้อฉาวกรณี การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม เมื่อเขียนกติกาเสร็จก็เปิดประมูล บริษัทเอกชนแห่เข้าแข่งขันคึกคัก ประชาชนดีใจเพราะเชื่อว่า หากแข่งขันโปร่งใส ก็จะทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าไม่แพงหูฉี่เหมือนปัจจุบัน
ปรากฏว่า เริ่มขั้นตอนการประมูลไปได้สักพัก พอเห็นข้อมูลรายละเอียดจนรู้ว่า ถ้าแข่งไปอย่างนี้แล้ว พวกของตัวเองจะแพ้ จึงประกาศเปลี่ยนกติกากลางอากาศ จากเดิมกำหนดไว้ 3 ขั้นตอน คือ 1.พิจารณาคุณสมบัติผู้แข่งขัน 2.พิจารณาเทคนิค 3.พิจารณาผลตอบแทน เปลี่ยนมาเป็น 2 ขั้นตอนคือ 1.พิจารณาคุณสมบัติ 2.พิจารณาเทคนิคร่วมกับผลตอบแทน ใครได้คะแนนมากกว่าก็ชนะไป
เขียนกติกาแบบนี้ ถ้าชอบใคร ก็ให้คะแนนเทคนิคมาก ๆ เข้าไว้ ถึงคะแนนผลตอบแทนจะแย่ ก็ยังชนะอยู่ดี ผู้เข้าแข่งขันจึงไปร้องศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราวการประมูลด้วยกติกาเก่า และศาลก็สั่งคุ้มครอง
คงด้วยเหตุนี้ เมื่อรู้ว่าไปไม่รอด จึงล้มกระดานด้วยการประกาศยกเลิกการประมูล พร้อมกับเขียนกติกาใหม่ เพื่อให้เหลือ 2 ขั้นตอนตามแผน
ใครอ่านข่าวนี้ย่อมจะรู้ว่า เป็นความพยายามที่จะทำให้พวกของตัวเองได้เปรียบในการแข่งขัน ก็เหลือ “บิ๊กตู่” ที่ยังทำเป็นไม่รู้อยู่เพียงคนเดียว
ยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เคยเอาเพื่อนมาเป็นรัฐมนตรี แต่พอเกิดข่าวอื้อฉาวเท่านั้นแหละ จริงหรือไม่จริงก็ตาม ตัดสินใจปลดออกทันที
น่าเสียดายเป็นนายกรัฐมนตรีมี ป.ปลา นำหน้าชื่อเหมือนกัน แต่ใจกล้าไม่เหมือนกัน.
……………………….
#ดินสอโดม