“สมศักดิ์” การันตี “4 แกนนำกลุ่มราษฎร” ไม่มีมือถือในเรือนจำแน่นอน เชื่อแอดมินเพจโพสต์เฟซบุ๊กเอง ด้าน “ราชทัณฑ์” เดินหน้าแจ้งความ “ปอท.” เอาผิด “เพนกวิน-อานนท์” กับพวก เหตุถูกคุมขัง แต่ยังใช้คนอื่นโพสต์ FB ปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีมีคนตั้งข้อสังเกตว่า “4 แกนนำกลุ่มราษฎร” ซึ่งถูกขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยังแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กส่วนตัวได้ว่า ต้องเข้าใจว่าทั้ง 4 คน มีแอดมินเพจเป็นของตัวเอง หากทั้ง 4 คน มีโทรศัพท์มือถือก็จะถูกตัดสิทธิบางอย่าง เพราะการมีโทรศัพท์มือถือเป็นการผิดเงื่อนไข เช่น การใช้เงินในเรือนจำ การขึ้นชั้นนักโทษจากชั้นกลางเป็นชั้นดี จากชั้นดีเป็นชั้นดีมาก จากชั้นดีมากเป็นชั้นเยี่ยม ซึ่งแค่การส่งจดหมายออกมา 1 ฉบับ ก็ถูกตัดสิทธิหลายอย่าง เช่นติดคุก 1 เดือน จากได้ลดโทษ 5 วันก็จะไม่ได้ลดโทษเรียกว่าเป็นการเสียค่าโง่
เมื่อถามว่า 4 แกนนำไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัวใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มี ถ้ามีแล้วถูกจับได้ ก็จะให้รางวัลกับคนที่จับได้ ยืนยันว่าไม่มีโทรศัพท์พันเปอร์เซ็นต์
เมื่อถามอีกว่า 4 แกนนำสามารถนำอาหารมารับประทานเองได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรือนจำมีครัวเล็กอยู่ และมีร้านค้าสวัสดิการของผู้ต้องขังที่จะทำเป็นอาหารถุงวางขายให้นักโทษ อย่างเช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในวันที่เข้าเรือนจำวันแรก ก่อนเข้าต้องไปศาล พอถึงห้องขังก็หิว มื้อแรกเลยให้สั่งอาหารได้เต็มที่ ซึ่งผู้ปกครองเป็นผู้สั่งอาหารให้
อีกด้านหนึ่ง ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม พร้อมทีมกฎหมายกรมราชทัณฑ์ เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อเอาผิดบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “เพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak” ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำคณะราษฎร ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ยังให้บุคคลภายนอกใช้เฟซบุ๊ก ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่งผลเสียหายต่อกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า ตนเคยแจ้งความที่ สน.ร่มเกล้า เพื่อตักเตือนผู้กระทำดังกล่าว เพราะสร้างความเสียหายแก่กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ กระทั่งล่าสุดเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) เฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์ข้อความหมิ่น “สถาบัน” ทำให้ประชาชนที่เทิดทูนจงรักภักดี ไม่สามารถทนได้ นอกจากนี้ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อเข้าสอบถามนายพริษฐ์ โดยตรงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโพสต์เฟซบุ๊กหรือไม่ ถ้ามีส่วนรู้เห็น จะกล่าวโทษร้องทุกข์เอาผิดต่อไป แต่หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะขอให้ตำรวจ ปอท. สืบสวนสอบสวนหาคนโพสต์ข้อความดังกล่าว เนื่องจากถือว่า “ร่วมกระทำผิด” ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่ามีบุคคลใดเข้าเยี่ยมนายพริษฐ์บ้างในช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำ ทั้งนี้ ถ้ามีนักกฎหมายนำข้อความมาโพสต์จะร้องไปยังสภาทนายความตรวจสอบจริยธรรมต่อไป
ส่วนกรณีของ ทนายอานนท์ นำภา แม้ยังมีการโพสต์ต่อเนื่อง แต่ข้อความไม่รุนแรงเท่านายพริษฐ์ โดยฝ่ายกฎหมายของกรมราชทัณฑ์ จะดำเนินการในส่วนของเฟซบุ๊ก ว่าเป็นของใคร ผู้นั้นก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง ว่าการแอบอ้างใช้เฟซบุ๊กของใครก่อความเสียหายให้กับผู้นั้น เบื้องต้นจะมีการยื่นต่อ ปอท.ให้ดำเนินคดีในส่วนของโพสต์ล่าสุด และถ้าหากมีการพบการกระทำความผิดในโพสต์อื่นๆ ก็จะได้มีการดำเนินการยื่นดำเนินการต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.อนันต์ เผยว่า คดีของนายพริษฐ์ มีผู้มาแจ้งความเอาผิดคดีความมั่นคงตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตลอด ตั้งแต่ยังไม่เข้าเรือนจำ ดังนั้น ปอท.จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาผู้ร่วมกระทำผิด ส่วนกรณีผู้แชร์หรือคอมเม้นต์ข้อความจะต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะเจ้าหน้าที่ได้ติดตามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะทำให้ตกเป็นผู้กระทำผิดด้วย จึงขอเตือนประชาชนที่โพสต์หรือแชร์อาจเข้าข่ายเป็นผู้เกี่ยวข้องการกระทำผิดกฎหมายด้วย
