วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกHighlight‘บิ๊กเต่า’ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง ยืนยัน‘ไม่เคยเลียตูดนาย-ไม่ใช่เด็กใคร?’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘บิ๊กเต่า’ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง ยืนยัน‘ไม่เคยเลียตูดนาย-ไม่ใช่เด็กใคร?’

‘บิ๊กเต่า’ ยันไม่เคยเลียตูดนาย ไม่ใช่เด็กใคร ลุยตรวจหลักฐานเส้นทางเงินบัญชีม้า เอี่ยวบิ๊กตำรวจ ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง ด้าน ‘ษิทรา’ ให้เวลาตำรวจตรวจหลักฐาน 30 วัน เตือน ผบ.ตร.คิดดีๆ 

เมื่อวันที่ 28 มี.ค.67 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เดินทางมายังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อนำข้อมูลขบวนการรับส่วย และเส้นทางการเงิน ที่เชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มามอบให้กับพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเรื่องพยานหลักฐาน เพราะเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถตรวจสอบได้ หากมีความเชื่อมโยงไปถึงใคร ก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถือเป็นเรื่องดี ที่นายษิทรานำข้อมูลมาให้ แม้ว่าทางตำรวจจะมีข้อมูลจากคดีเก่าอยู่แล้วบางส่วน แต่เป็นโอกาสดีที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะตำรวจก็ต้องการกวาดบ้านตัวเอง ใครทำผิดก็ต้องออกไป

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวย้ำว่า จะตรวจสอบทุกมิติ ทั้งเส้นทางการเงิน 30 เส้น รวมถึงตัวย่อนายตำรวจต่างๆ ที่ถูกพาดพิง และเป็นอุดมการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว ใครเกี่ยวข้อง จะไม่ละเว้น

ส่วนกรณีที่ถูกบอกว่า ตนเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาสายตรงของพล.ต.อ. “ต.” จะมีผลต่อการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวยืนยันว่า ตนไม่เคยเลียตูดนาย ไม่ได้เป็นเด็กใคร ทำตามหน้าที่ ไม่ใช่เด็กของพล.ต.อ. “ต.” ตนทำงานและมาถึงจุดนี้ได้ด้วยความสามารถของตนเอง ทำเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด และมีอุดมการณ์ของตนเอง ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง

ส่วนกรณีที่ตำรวจออกหมายเรียกพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ถึงสองครั้งนั้น ไม่ขอพูดถึงเรื่องดังกล่าว เพราะไม่อยากให้สร้างประเด็นอื่นๆ และไม่อยากให้ขัดกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี และจากนี้จะไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ

ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กล่าวว่า ตนมาในฐานะประชาชนที่พบเห็นการกระทำกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงนำเอกสารหลักฐานเป็นแชท, สลิปโอนเงิน และสเตทเม้นท์ รวมทั้งเส้นเงินจากบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์ มามอบให้กับพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ซึ่งหลังได้ฟังคำพูดของพล.ต.ต.จรูญเกียรติแล้ว ก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็น 40% จาก 30% เมื่อวานนี้ และจะรอดูการทำสำนวนว่า จะมีการตรวจสอบรายละเอียดตามที่ตนได้ร้องขอในวันนี้หรือไม่

นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้ยืนยันว่า ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี ในความผิดตามมาตรา 157 และ 149 เป็นเพียงการนำเอกสารหลักฐานมาให้ตรวจสอบในกรอบระยะเวลา 30 วัน จากนั้นตนจะเดินทางมาติดตามความคืบหน้า ก่อนพิจารณาดำเนินการในลำดับต่อไป ซึ่งเบื้องต้นอยากให้ทางตำรวจตรวจสอบข้อมูลที่นำมาให้ก่อน ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ก่อนขอเอกสารฉบับจริงจากทางธนาคารเพื่อดำเนินคดี ยืนยันว่าไม่มีเจตนาออกมาป่วน

นายษิทรา กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าว มาจากสายลับที่เป็นตำรวจ ส่งข้อมูลมาให้ตนเอง เพราะทนกับระบบไม่ได้ แต่ข้อมูลที่ได้รับมา ไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แต่หากมีผู้นำข้อมูลที่พบว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ทำผิดกฎหมาย ตนก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน และหลังจากนี้ตนจะไม่ขอให้สัมภาษณ์ถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์อีก

ส่วนกรณีที่วันพรุ่งนี้ ทีมทนายทนายความของพล.ต.อ. “ต.” จะไปฟ้องร้องตน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ฐานหมิ่นประมาทนั้น เบื้องต้นได้รับทราบแล้ว และรู้ว่าใครคือทีมทนาย ซึ่งบุคคลดังกล่าวเคยฟ้องร้องกับตัวเองมาแล้ว 6 คดี แต่ศาลยกฟ้องทุกคดี ขอเตือนไปว่า ขอให้คิดดีๆ คิดใหม่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img