วันพุธ, พฤษภาคม 1, 2024
หน้าแรกHighlightท่องเที่ยว-บริโภคภาคเอกชน-เงินเฟ้อลด หนุนภาวะเศรษฐกิจการคลังปรับตัวดีขึ้น!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ท่องเที่ยว-บริโภคภาคเอกชน-เงินเฟ้อลด หนุนภาวะเศรษฐกิจการคลังปรับตัวดีขึ้น!

โฆษกรัฐบาลเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังไทยเดือนพฤษภาคม 2566 ปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยด้านท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณเป็นไปในทิศทางบวกต่อไป

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มุ่งกำชับ สั่งการ ให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลสะท้อนจากภาวะเศรษฐกิจการคลังไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2566 ปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยด้านท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพฤษภาคม 2566 พบว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งจากปัจจัยด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในเดือนพฤษภาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยรวม 2.01 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 286.3 โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม รวมถึงการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีจำนวน 19.7 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 24.5

สำหรับปัจจัยด้านการบริโภคภาคเอกชน มีการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทนสะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 29.4 และ 13.5 ตามลำดับ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55.7 จากระดับ 55.0 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และสูงสุดในรอบ 39 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดีและแรงกดดันจากระดับราคาสินค้าลดลงต่อเนื่อง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 0.53 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.55 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 61.6 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ด้านเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 อยู่ในระดับสูงที่ 2.208 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

“นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องจากผลสะท้อนที่ได้จากการเติบโตของการท่องเที่ยว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นที่สูงสุดในรอบ 39 เดือน และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี และมีสัญญาณเป็นไปในทิศทางบวก โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่เต็มที่ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้เติบโตเพื่อความยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img