วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกHighlightเศรษฐกิจไทยอ่อนแรง “กกร.”หั่นเป้า “จีดีพี”โตเพียง 2.5-3%
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เศรษฐกิจไทยอ่อนแรง “กกร.”หั่นเป้า “จีดีพี”โตเพียง 2.5-3%

กกร.เสนอรัฐบาลเดินหน้ามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ได้ประกาศไว้ ทั้งลดภาระค่าไฟ-ราคาน้ำมัน -เพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน ชี้เศรษฐกิจโลกทรุดฉุดส่งออก หั่นเป้าจีดีพีโตเพียง 2.5-3%

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย  เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า  เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ในเดือนสิงหาคมของประเทศหลักยังหดตัว ขณะที่กิจกรรมเศรษฐกิจในภาคบริการอ่อนแรงลงต่อเนื่อง

นอกจากนี้จุดเปราะบางสำคัญ คือการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัญหาการผิดนัดชำระหนี้และกำลังซื้อที่หดตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 5% เท่านั้นและมีแนวโน้มจะลดลงในปีหน้า เศรษฐกิจโลกจึงได้รับแรงกดดันและส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยยังมีอุปสรรคในการฟื้นตัว

สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด โดยกกร.ได้ปรับลดจีดีพีเติบโตได้ที่ 2.5-3% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ประเมินไว้ที่ 3-3.5% โดยเศรษฐกิจในไตรมาส 2 เติบโตเพียง 1.8% ต่ำกว่าประมาณการที่ 3.1% อย่างมาก  และปรับลดตัวเลขส่งออกจากเดิมลบ 2 ถึง 0% เป็นลบ 2 ถึง ลบ 0.5% และปรับลดตัวเลขเงินเฟ้อจากเดิม 2.2-2.7% เป็น 1.7-2.2%

โดยภาคเศรษฐกิจที่อ่อนแรงได้แก่ภาคการผลิตอุต สาหกรรมที่มีการหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับมูลค่าการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องมา 10 เดือน และติดลบแทบทุกหมวด อีกทั้งการใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัวต่อเนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีแนวโน้มล่าช้า

นอกจากนี้รายได้จากการท่องเที่ยวยังต่ำกว่าที่คาดเนื่องจากการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังต่ำกว่าปกติอยู่ราว 13% และค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปของคนไทยในการเที่ยวในประเทศต่ำกว่าปกติราว 33%

ทั้งนี้เห็นว่ารัฐควรมีมาตรการเพื่อเร่งขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังสามารถเติบโตได้ระดับ 3% การเร่งรัดมาตรการด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ประกาศไว้จึงมีความจำเป็น ได้แก่ การลดภาระรายจ่ายค่าไฟและราคาน้ำมัน การผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณามาตรการเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนการส่งออกไปยังตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตได้ ขณะที่เร่งจัดทำมาตรการเพื่อเสริมสร้างรายได้ ให้กับ SMEs และครัวเรือนเพื่อแก้ปัญหาภาระหนี้ได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน

นอกจากนี้ที่ประชุม กกร. มีความกังวลกับสถานการณ์ด้านการค้าระหว่างประเทศที่ส่งผลให้การส่งออกของไทยชะลอตัว ประกอบกับสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานทะลักเข้ามาแข่งขันด้านราคาในตลาดไทย ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเบื้องต้นมี 20 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่มียอดขายลดลง และหากไม่มีมาตรการกำกับดูแลสินค้านำเข้าดังกล่าว ผลกระทบอาจจะขยายวงกว้างไปมากกว่านี้ ดังนั้น กกร. จึงเสนอขอให้ภาครัฐเข้มงวดในการตรวจจับสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐานโดยผ่านกลไกจากทั้ง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และกรมศุลกากร โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ในขณะเดียวกันควรต้องมีการสนับสนุนผู้ส่งออก อำนวยความสะดวกให้พิธีการศุลกากรมีความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น 

สำหรับการท่องเที่ยวยังเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสที่เหลือ ที่ประชุม กกร. มองว่า การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน มีจำนวนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงเสนอให้มีการเร่งรัดและออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะมาตรการ ฟรีวีซ่าโดยเร็ว รวมถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าประเทศอย่างปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กกร. มีความเห็นว่าด้วยดอกเบี้ยในปัจจุบันปรับขึ้นมาต่อเนื่องและอยู่ที่ระดับ 2.25% ซึ่งเป็นระดับสมดุลแล้ว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องทำให้แรงกดดันเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ และสถาบันการเงินได้ชะลอการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบ อีกทั้งกลไกตลาดเงินได้ปรับตัวแล้ว สะท้อนจากการแข่งขันในการระดมสภาพคล่องที่เข้มข้น ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นส่วนหนึ่งจากเงินถูกไหลไปสู่การลงทุนทางเลือก

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img