วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกHighlightดัชนี PMI พุ่งรับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์-เปิดประเทศ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ดัชนี PMI พุ่งรับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์-เปิดประเทศ

ดัชนีผลผลิตเดือน ม.ค.ขยายตัว 1.99% หลังกิจกรรมเศรษฐกิจฟื้นจากการเปิดประเทศ  เกาะติดเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครนใกล้ชิด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไทยขยายตัวใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมกราคมปี 2565 อยู่ที่ 104.42 ขยายตัว 1.99% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในสถานประกอบการยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต สะท้อนได้จากดัชนีแรงงานอุตสาหกรรม เดือนมกราคมปี 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.04% และอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 65.91%  

“เศรษฐกิจภายในประเทศกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้น หลังการกระจายวัคซีนที่ดีขึ้นคุมสถานการณ์โควิดได้ ไม่ต้องล็อกดาวน์และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ตลาดภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวหลังได้รับการสนับสนุนผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐและนโยบายเปิดประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตได้แม้หลายประเทศจะเริ่มกลับมาบังคับใช้มาตรการควบคุมการระบาด แต่ยังคงสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซียและยูเครน ซึ่งในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด”

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและนโยบายการเปิดประเทศส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แม้ผู้ประกอบการจะเผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาพลังงานและค่าขนส่ง ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบนำเข้า

อย่างไรก็ตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแน้วโน้มขยายตัวใน 1-2 เดือนข้างหน้า โดยเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มกลับมาขยายตัวเช่นกัน แต่ยังจำเป็นต้องจับตาดูสถานการณ์ของรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและเป็นตัวเร่งให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าว อาจเป็นอุปสรรคการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการค้าโลกอาจจะกลับมาสะดุดอีกครั้งหากสงครามยืดเยื้อ

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ดัชนีผลผลิตส่งผลบวกในเดือนมกราคม 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัวร้อยละ 9.21 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันเตาชนิดที่ 2 เป็นหลัก โดยเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวหลังประชาชนได้รับวัคซีนในอัตราสูง ส่งผลให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น และการเดินทางที่เพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการน้ำมันขนส่งเพิ่มสูงขึ้นตาม

ด้านชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.76% เนื่องจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการนำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในอุปกรณ์ IOT ในวงกว้างมากขึ้น

ส่วนยานยนต์ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.10% จากผลิตภัณฑ์รถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดกลาง และเครื่องยนต์ดีเซล จากสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการส่งเสริมการขายของตัวแทนจำหน่าย

สำหรับผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.35% จากผลิตภัณฑ์ยางแท่งเป็นหลัก โดยได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะลูกค้าหลักจากจีน อเมริกา และญี่ปุ่น ที่มีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และคิวเรือส่งสินค้าคลี่คลายมากขึ้น

นอกจากนี้เบียร์ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 24.74% เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวทำให้การจำหน่ายในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง  32.91% ในขณะที่การส่งออก ขยายตัวเพิ่มขึ้น 14.91% 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img