วันอังคาร, พฤษภาคม 7, 2024
หน้าแรกHighlight“พิชัย”ชี้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แก้ปัญหาของรัฐบาล ปชช.ไม่ได้อะไร
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พิชัย”ชี้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แก้ปัญหาของรัฐบาล ปชช.ไม่ได้อะไร

“พิชัย” ชี้ “ประยุทธ์” ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเป็นการแก้ปัญหาของรัฐบาล ประชาชนไม่ได้อะไรเลย เย้ยนายกฯกลืนน้ำลายตัวเองบอกไม่ลด ตอกลดช้าเหตุราคาสินค้าพุ่ง แถมราคาดีเซลทะลุเกินกว่าที่ลดภาษีแล้ว สอนต้องคิดล่วงหน้างดการเก็บภาษีสรรพสามิตแบบสมัย “ยิ่งลักษณ์” พร้อมออกมาตรการเสริม

วันที่ 16 ก.พ.65 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ และอดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาทนั้น ซึ่งเห็นว่าเป็นแนวทางที่ลดน้อยเกินไปและลดช้าเกินไป ทั้งนี้หากจำกันได้ เรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลนี้ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้แนะนำ และเรียกร้องมาตลอดและเรียกร้องมานานหลายเดือนแล้ว โดยเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำม้นดีเซลลิตรละ 5 บาท และยังยืนยันล่วงหน้าว่าถึงอย่างไรรัฐบาลก็ต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลนี้ แต่พลเอกประยุทธ์ พยายามปฏิเสธมาตลอด แต่สุดท้ายก็ต้องลดตามคำแนะนำ แต่ภาษีสรรพสามิตที่ลดมีปริมาณน้อยเกินไป เพราะลดแล้วไม่ได้ช่วยให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลง ทั้งนี้เพราะปัจจุบันรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ให้กองทุนน้ำมันสนับสนุนราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 3.79 บาท ซึ่งก็ยังสูงกว่าที่รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 3 บาท ถึงลดแล้วกองทุนน้ำมันก็ยังต้องอุดหนุนอยู่ อีกทั้งราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ดังนั้นการลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพียง 3 บาทจึงน้อยไป และการที่จะต้องลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มากกว่านี้จึงจำเป็น

นายพิชัย กล่าวต่อว่า นอกจากจะลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลน้อยไปแล้วยังลดช้าไป ถ้าลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ตั้งแต่ที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอ ราคาสินค้าก็จะไม่ขึ้นราคามากขนาดนี้ ข้าวของคงไม่แพงทั้งแผ่นดินแบบนี้ เพราะราคาน้ำมันเป็นต้นทุนของสินค้าแทบทุกชนิด ปัจจุบันราคาสินค้าได้สูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไปแล้ว การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาทจึงไม่ช่วยให้ราคาสินค้าลดลงแต่อย่างไร และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงสูงขึ้นอีกตามแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมันโลก ราคาสินค้าก็อาจจะเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งการที่จะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาท เพียง 3 เดือนน่าจะไม่เพียงพอและเป็นไปไม่ได้เลย เพราะราคาน้ำมันโลกไม่น่าจะลดลงได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งราคาน้ำมันใน 3 เดือนข้างหน้ามีแต่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นอีก

“การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาทไม่ได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนแต่อย่างใด เป็นแก้ไขปัญหาของรัฐบาลเองมากกว่า เพราะการลดภาษีสรรพสามิตครั้งนี้เพื่อไปลดภาระของกองทุนน้ำมันเท่านั้น ซึ่งก็ยังลดภาระกองทุนน้ำมันยังไม่พอด้วยซ้ำ ดังนั้นประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งนี้แต่อย่างใด”นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวอีกว่า ในภาวะสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่กำลังผันผวน และยังมีแนวโน้มที่ราคาน้ำมันจะแพงขึ้นไปอีกพลเอกประยุทธ์ จะต้องหัดคิดล่วงหน้า ในภาวะเช่นนี้ขนาดลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาทอาจจะยังไม่พอด้วยซ้ำ ต้องกลับไปคิดว่าในเมื่อราคาน้ำมันราคาจะยิ่งพุ่งขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนลงพลเอกประยุทธ์ ควรจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงให้เท่ากับในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในสมัยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือลดลงเหลือการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพียงลิตรละ 0.005 บาท (ครึ่งสตางค์) เท่านั้น เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนล่วงหน้า ก่อนที่ราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นอีก และรัฐบาลจะถูกบังคับให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอีกในที่สุด ซึ่งประชาชนจะไม่ได้ประโยชน์จากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเลย และควรทำเร็วที่สุด อีกทั้งควรจะต้องออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับประชาชนเป็นมาตรการเสริมด้วย

“การที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกลืนน้ำลายและจำต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลทั้งที่ปฏิเสธเสียงแข็งมาตลอด แสดงถึงความล้มเหลวขาดวิสัยทัศน์ และความด้อยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการราคาพลังงาน นับเป็นความล้มเหลวซ้อนความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วย ถ้าหากยังไม่รู้ตัวและยังคงดื้อรั้นคิดว่าตัวเองยังบริหารประเทศได้ดี จะยิ่งทำให้ประเทศเสียหายมากยิ่งขึ้นไปอีก”อดีตรมว.พลังงาน กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img