“หมอธีระ” ดับเครื่องชน “รัฐบาลลุงตู่” ซัดเกิดหายนะจากนโยบายที่ผิดเพี้ยน นโยบายห่วยๆ จนเตียงไม่พอ เอาแต่ไล่ตามโรค ไม่เคยยอมรับความจริง เอาแต่สร้างภาพว่ากระจอก เอาอยู่ บี้ให้ตะลุยตรวจโรค ย้อนถาม “จะทำบาปกรรมกันไปอีกนานแค่ไหน” จี้ปรับครม. หากยังเห็นคุณค่าชีวิตของประชาชน
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า…หายนะจากนโยบายที่ผิดเพี้ยน…เตียงไม่พอ แล้วบรรเทาปัญหาด้วยการหยุดตรวจคัดกรองโรค??? เป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ผลที่ตามมาจากการปิดบริการตรวจคัดกรองโรคคือ ตัวเลขสวยหรู ติดเชื้อที่รายงานจะลดลง แต่สถานการณ์จริง คนที่ติดเชื้อแต่เข้าถึงบริการตรวจไม่ได้ ก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตัวเองติดอยู่ไหม การแพร่เชื้อให้แก่คนในครอบครัว คนในที่ทำงาน และอื่นๆ ก็จะเป็นไปตลอดระยะเวลาที่มีการปิดบริการตรวจนั่นเอง นโยบายหรือมาตรการใดๆ ที่เลือกกระทำนั้น จำเป็นต้องใคร่ครวญให้ดี ไม่ใช่ทำแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่สร้างปัญหาตามมามากมายไม่สิ้นสุด
เตียงไม่พอ เพราะเอาแต่ไล่ตามโรค ไม่เคยยอมรับความจริงว่ามาตรการที่ทำมาตลอดนั้นไม่พอที่จะควบคุมการระบาดได้ เตียงไม่พอ เพราะทรัพยากรจำกัด ไม่สามารถรองรับการระบาดหนักได้ แต่ไม่เคยยอมรับ เอาแต่สร้างภาพว่ากระจอก เอาอยู่ เพียงพอ รับมือได้ ถึงเวลาแล้วครับที่จะต้องยอมรับความจริง และตะลุยตรวจโรคให้มาก หากเห็นชัดเจนว่าคนติดเชื้อมากเกินกว่าจะรองรับได้ในระบบ ก็จำเป็นต้องพิจารณาเรื่อง home isolation หรืออื่นๆ มาใช้
หากจะอ้างว่ากักตัวที่บ้าน กลัวจะไม่ปลอดภัย จะหาพื้นที่กักตัวให้ได้ ก็ต้องจัดเตรียมมาให้ได้ ไม่ใช่ให้หยุดตรวจ แล้วปล่อยให้คนติดเชื้อไม่สามารถเข้าถึงการตรวจได้ และต้องอยู่กันตามบุญตามกรรมตามมีตามเกิด คนที่ติดเชื้อแต่ยังไม่ได้ตรวจ เค้าก็ต้องอาศัยอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม แต่นโยบายห่วยๆ จะทำให้หนักกว่าเดิม เพราะเค้าไม่ทราบถึงสถานะตนเองว่าติดหรือไม่ติด การปฏิบัติตัวก็จะผิดเพี้ยนแตกต่างไปจากที่ควรจะเป็น จะทำบาปกรรมกันไปอีกนานแค่ไหนครับ ถามจริง?
ปรับครม.เถิดครับ หากท่านเห็นคุณค่าชีวิตของประชาชน เรื่องสุขภาพและสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่เป็นมา ผลลัพธ์ที่เห็นมานั้นเป็นบทพิสูจน์
