วันอังคาร, พฤษภาคม 7, 2024
หน้าแรกHighlight“วิชา”เตือน‘อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ’ เผยพบผิดปกติหวั่น‘คดีผกก.โจ้’พลิก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“วิชา”เตือน‘อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ’ เผยพบผิดปกติหวั่น‘คดีผกก.โจ้’พลิก

วิชา” ยกคำพิพากษาศาลฎีกาเทียบคดี “ผกก.โจ้” ฟันธงใช้ถุงดำคลุมหัวมีเจตนาฆ่า เตือนอย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ แนะติดตามการสอบสวน ชี้มีความผิดปกติ

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 64 ที่รัฐสภา นายวิชา มหาคุณ กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. และอดีตประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทึจริตแห่งชาต หรือป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หลังสังคมยังเคลือบแคลงสงสัย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมโดยเกรงว่าอาจมีการช่วยเหลือกันหรือไม่เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจว่า ตนขอใช้คำว่าอย่าปิดเแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ เพระเป็นการเปิดโปรงกระบวนการทั้งหมดว่ามีการกระทำเป็นอย่างไร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย โดยหลังจากเกิดเหตุมีการถอดกล้องวงจรปิดออกหมด แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ไม่เห็นด้วย และทนไม่ไหวได้แจ้งข้อมูล และส่งคลิปภาพมาเปิดเผย หากไม่ใช่คนวงในก็คงจะไม่มีข้อมูลที่มาเปิดเผยทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความไม่เห็นด้วย ของทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“เหมือนกับการเปลือยล่อนจ้อนว่าการกระทำนั้นเป็นอย่างไรบ้าง มันเหมือนพายุร้ายที่กวาดล้าง จะเรียกว่ากวาดล้างความไม่ดีงานต่างๆโซเชียล มีเดียมีอิทธิพลสำคัญ เพราะเดี๋ยวนี้ประชาชนหรือคนในวงการก็ดีเขาทนไม่ไหว วันนี้แนวทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของทั่วโลกในขณะนี้ใช้หลักในการแจ้งเบาะแส แจ้งข้อมูลไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด หากมีข้อมูลมีการถ่ายคลิปผ่านทางมือถือก็สามารถส่งข้อมูลเพื่อป้องปรามการทุจริตและเป็นหลักฐานซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ”นายวิชา กล่าว

เมื่อถามว่ากระบวนการในการสอบสวนที่ผ่านมามีการใช้ถุงดำคลุมหัวหรือไม่ และผกก.โจ้ ระบุว่าไม่มีเจตนาในการฆ่านั้น นายวิชา กล่าวว่า อยากให้ย้อนไปดูคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 5332/60 ซึ่งพิพากษาไว้ในหลักการและลักษณะที่ชัดเจน โดยวินิจฉัยว่าการนำถุงคลุมหัวย่อมแสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้กระทำย่อมเล็งเห็นว่าผู้ถูกกระทำย่อมขาดอากาศหายใจ และเสียชีวิตได้ จึงวางหลักในคดีไว้ว่าจำเลยจึงมีเจตนาฆ่า ซึ่งกรณีนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนกระบวนการหลังจากนี้ก็คงต้องติดตามการทำงานของคณะกรรมการในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งส่วนตัวมองว่า มีความผิดปกติ เนื่องจากการสอบสวนนั้นจะต้องดำเนินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ และกระบวนการอื่นๆในการพิจารณาร่วมกันเพื่อค้นหาความจริงว่ามีใครร่วมมือ หรืออยู่เบื้องหลัง และมีการทำแบบนี้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ดังนั้นจึงเห็นด้วยว่าการปฏิรูปตำรวจ และต้องมีการปฏิรูปกระบวนการในการสอบสวนควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งร่างพ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญา ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้ส่งเรื่องมาแล้วขณะนี้อยู่ชั้นการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งกระบวนการก็พยายามเร่งเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาโดยเร็ว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img