”หมอทวีศิลป์”เผยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขประเมินสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือตัวเลขผู้ติดเชื้อสูง แนะแต่ละจังหวัดเตรียมพื้นที่ตั้งรพ.สนามรองรับสถานการณ์การระบาดโควิด เตือนเดินทางข้ามจังหวัดเท่าที่จำเป็น
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (อีโอซี) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าสถานการณ์ในจ.สมุทรสาครนั้น เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการกระจายไปหลายพื้นที่และลงไปถึงระดับตำบล อีกทั้งจากการที่จังหวัดนี้มีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก และมีโรงงาน 11,467 แห่ง ทำให้เราต้องเร่งเข้าไปตรวจในพื้นที่โรงงานเพื่อเข้าไปดูให้มั่นใจ และไม่ให้โรงงานเป็นที่แพร่ระบาดเชื้อโรค
นอกจากนี้ เรายังเข้าไปตรวจในตลาดและที่พักของแรงงานด้วย เพื่อวางแผนเชิงรุกให้การตรวจครอบคลุมทุกพื้นที่ และมีการตั้งโรงพยาบาลสนามในจ.สมุทรสาครแล้ว 2 แห่ง ส่วนที่มีข่าวว่าคนในจังหวัดข้างเคียงกับสมุทรสาคร คัดค้านการตั้งรพ.สนาม เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อจาก จ.สมุทรสาครนั้น ล่าสุดมีข่าวดีว่ามีคนในจ.สมุทรสาคร พร้อมจะให้นำพื้นที่ของตัวเอง 4-6 พื้นที่ ไปใช้สำหรับการตั้งรพ.สนาม
“จากนี้กระทรวงสาธารณสุขต้องมองข้ามไปวันข้างหน้า ประเมินสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจมีสูง เราต้องเตรียมพื้นที่ไว้ล่วงหน้า จึงต้องวางแผนไว้ก่อน เพราะการตั้งรพ.สนามต้องใช้เวลา ซึ่งเบื้องต้นเราจะใช้รพ.สนามของจังหวัดนั้นๆ เพื่อดูแลคนของจังหวัดตัวเอง”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ควบคุมสูงสุดมี 28 จังหวัด มีมาตรการที่จังหวัดเหล่านี้ต้องทำคือ คนที่เข้าพื้นที่ต้องรับการตรวจอุณหภูมิ สังเกตอาการ และต้องรับการตรวจว่ามีแอพพลิเคชั่น “หมอชนะ” หรือไม่ รวมถึงสอบถามเหตุผลความจำเป็นในการเดินทาง โดยเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในการปิดแหล่งที่อาจแพร่เชื้อ เช่น บ่อน ร้านอาหาร แต่ไม่ทำให้เกิดการชัตดาวน์ ล็อกดาวน์ ไม่มีเคอร์ฟิว ไม่ปิดการเดินทาง ขณะที่พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มี 5 จังหวัด คือมีมาตรการเพิ่มขึ้น โดยให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าพื้นที่ดังกล่าว ต้องแสดงหลักฐานการได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
“ใครจะเดินทางเข้าพื้นที่หรือไปไหนมาไหนในพื้นที่ ต้องแสดงหลักฐาน พ่อค้าแม่ค้าจะขายอาหารก็ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อน ผู้คนในพื้นที่อาจต้องลำบากสักหน่อย มาตรการเหล่านี้จะใช้ถึงวันที่ 1 ก.พ.นี้ ดังนั้นใครที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการเดินทาง ขอให้ชะลอไว้ก่อน ทั้งนี้ถ้าตัวเลขต่างๆ แสดงถึงความน่ากลัว และพุ่งขึ้นในทิศทางที่ชัน เราคงไม่ต้องรอถึงวันที่ 1 ก.พ. อย่างที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าคงต้องดูสถานการณ์เป็นรายวัน ซึ่งถ้าพบว่าไม่ดี ก็ต้องเข้มงวด อาจมีคำว่าเข้มงวดสูงสุดหรือเข้มขึ้น”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
